ผู้ใดเห็นทุกข์ว่าเกิดเพราะกาม ผู้นั้นจะพึงน้อม (จิต) ไปในกามได้อย่างไร ผู้รู้จักอุปธิว่าเป็นเครื่องข้องในโลกแล้ว พึงศึกษาเพื่อกำจัดอุปธิเสีย
โย ทุกฺขมทฺทกฺขิ ยโตนิทานํ
กาเมสุ โส ชนฺตุ กถํ นเมยฺย
อุปธึ วิทิตฺวาน สงฺโคตฺ โลเก
ตสฺเสว ชนฺตุ วินยาย สิกฺเข.
[คำอ่าน]
โย, ทุก-ขะ-ทัด-ทัก-ขิ, ยะ-โต-นิ-ทา-นัง
กา-เม-สุ, โส, ชัน-ตุ, กะ-ถัง, นะ-ไม-ยะ
อุ-ปะ-ทิง, วิ-ทิด-ตะ-วา-นะ, สัง-โค-ติ, โล-เก
ตัด-เส-วะ, ชัน-ตุ, วิ-นะ-ยา-ยะ, สิก-เข
[คำแปล]
“ผู้ใดเห็นทุกข์ว่าเกิดเพราะกาม ผู้นั้นจะพึงน้อม (จิต) ไปในกามได้อย่างไร ผู้รู้จักอุปธิว่าเป็นเครื่องข้องในโลกแล้ว พึงศึกษาเพื่อกำจัดอุปธิเสีย.”
(พุทฺธ) สํ.ส. 15/170.
กาม แปลว่า ความใคร่ เป็นหนึ่งในเหตุที่ก่อให้เกิดทุกข์ ซึ่งกามแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก คือ
- กิเลสกาม ความอยากในใจที่เกิดขึ้นเมื่อพบเห็นสิ่งที่น่าพึงพอใจ เช่น ความปรารถนาในรูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัสต่าง ๆ
- วัตถุกาม สิ่งที่เป็นรูปธรรมที่ทำให้เกิดความพึงพอใจ เช่น ทรัพย์สินเงินทอง อาหารการกิน สถานที่พักอาศัย เป็นต้น
คำว่า “อุปธิ” หมายถึง สิ่งที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวหรือเครื่องรั้งไว้ ซึ่งทำให้ไม่สามารถหลุดพ้นจากทุกข์ได้ สามารถแบ่งได้เป็นหลายลักษณะ ขึ้นอยู่กับการตีความและบริบท แต่ทั่วไปแล้วมีความหมายหลักๆ ดังนี้
- เครื่องยึดเหนี่ยวในกิเลส หมายถึง ความติดข้องในกิเลส ความปรารถนา และความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน เงินทอง อำนาจ หรือความรัก
- เครื่องรั้งไว้ในรูปขันธ์และอรูปขันธ์ หมายถึง การยึดติดในรูปขันธ์ (ร่างกายและวัตถุที่จับต้องได้) และอรูปขันธ์ (จิตใจและความคิด) ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เรายังวนเวียนในสังสารวัฏ
- เครื่องรั้งไว้ในปัญจุปาทานขันธ์ หมายถึง การยึดมั่นในรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ซึ่งเป็นองค์ประกอบของชีวิต
โดยสรุป “อุปธิ” คือสิ่งที่ทำให้เรายึดติดและไม่สามารถหลุดพ้นจากความทุกข์ได้ ซึ่งในทางพุทธศาสนา การปฏิบัติเพื่อหลุดพ้นจากอุปธิเป็นเป้าหมายสำคัญในการปฏิบัติธรรม เพื่อให้สามารถเข้าถึงนิพพานหรือสภาวะที่ปราศจากทุกข์โดยสิ้นเชิง
เมื่อบุคคลพิจารณาเห็นว่ากามและอุปธินั้นเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ดังนี้แล้ว พึงหมั่นปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเพื่อกำจัดกามและอุปธิอันเป็นเหตุแห่งทุกข์ใหญ่ในวัฏสงสารนั้นเสีย