สัตบุรุษสรรเสริญปัญญาแน่แท้ คนทั้งหลายชอบทรัพย์สมบัติจึงใคร่ได้สิริ ฯลฯ
อทฺธา หิ ปญฺญา ว สตํ ปสตฺถา
กนฺตา สิรี โภครตา มนุสฺสา
ญาณญฺจ พุทฺธานมตุลฺยรูปํ
ปญฺญํ น อจฺเจติ สิรี กทาจิ.
[คำอ่าน]
อัด-ทา, หิ, ปัน-ยา, วะ, สะ-ตัง, ปะ-สัด-ถา
กัน-ตา, สิ-รี, โพ-คะ-ระ-ตา, มะ-นุด-สา
ยา-นัน-จะ, พุด-ทา-นะ-มะ-ตุน-ละ-ยะ-รู-ปัง
ปัน-ยัง, นะ, อัด-เจ-ติ, สิ-รี, กะ-ทา-จิ
[คำแปล]
“สัตบุรุษสรรเสริญปัญญาแน่แท้ คนทั้งหลายชอบทรัพย์สมบัติจึงใคร่ได้สิริ (ยศ) ก็ความรู้ของท่านผู้รู้ทั้งหลายชั่งไม่ได้ ทรัพย์จึงเกินกว่าปัญญาไปไม่ได้ ไม่ว่ากาลไหนๆ.”
(มโหสธโพธิสตฺต) ขุ.ชา. 27/428.
คำว่า “สัตบุรุษ” หมายถึง บุคคลผู้ประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ ประกอบด้วยธรรมของสัตบุรุษ 7 ประการ บุคคลผู้เป็นสัตบุรุษย่อมสรรเสริญปัญญาว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด เพราะปัญญาเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราสามารถเข้าใจโลกและชีวิตได้อย่างลึกซึ้ง ปัญญาช่วยให้เราสามารถแก้ไขปัญหาและตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ปัญญายังช่วยให้เราสามารถพัฒนาตนเองและผู้อื่นได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแตกต่างจากคนทั่วไปที่มักจะยินดีในทรัพย์สมบัติและเห็นว่าทรัพย์สมบัติเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด
อย่างไรก็ตาม ทรัพย์สมบัตินั้นเป็นสิ่งที่นับได้และมีขีดจำกัด ในขณะที่ปัญญานั้นเป็นสิ่งที่นับไม่ได้และไม่มีขีดจำกัด การมีปัญญาทำให้เราสามารถพัฒนาความสามารถในการแก้ไขปัญหาและการปรับตัวในสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทรัพย์สมบัติไม่สามารถให้ได้ ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าปัญญานั้นมีคุณค่ามากกว่าทรัพย์สมบัติในหลายๆ ด้าน
อีกทั้ง บุคคลสามารถใช้ปัญญาในการแสวงหาทรัพย์สมบัติได้ แต่ไม่สามารถใช้ทรัพย์สมบัติเพื่อซื้อปัญญาได้ ปัญญาเป็นสิ่งที่ต้องมาจากการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ไม่สามารถหาซื้อได้ด้วยเงินทอง การมีปัญญาทำให้เราสามารถใช้ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นได้
การพัฒนาตนเองและการแสวงหาความรู้ ความเข้าใจ และการมีวิจารณญาณที่ดี เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราสามารถมีชีวิตที่มีคุณค่าและเป็นที่ยอมรับในสังคม ในทางตรงกันข้าม การยึดติดกับทรัพย์สมบัติอาจทำให้เราพลาดโอกาสในการพัฒนาตนเอง
สรุปได้ว่า ปัญญานั้นเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่าทรัพย์สมบัติ เนื่องจากปัญญาช่วยให้เราสามารถแสวงหาทรัพย์สมบัติได้และสามารถใช้ทรัพย์สมบัติให้เกิดประโยชน์สูงสุด.