ชนเหล่าใดกำหนดรู้รูปธาตุ ไม่ตั้งอยู่ในอรูปธาตุ ย่อมหลุดพ้นไปได้ในนิโรธธาตุ ชนเหล่านั้น ชื่อว่าเป็นผู้ละมัจจุได้

รูปธาตุปริญฺญาย อรูเปสุ อสณฺฐิตา นิโรเธ เย วิมุจฺจนฺติ เต ชนา มจฺจุหายิโน

รูปธาตุปริญฺญาย     อรูเปสุ อสณฺฐิตา
นิโรเธ เย วิมุจฺจนฺติ     เต ชนา มจฺจุหายิโน.

[คำอ่าน]

รู-ปะ-ทา-ตุ-ปะ-ริน-ยา-ยะ…..อะ-รู-เป-สุ, อะ-สัน-ถิ-ตา
นิ-โร-เท, เย, วิ-มุด-จัน-ติ…..เต, ชะ-นา, มัด-จุ-หา-ยิ-โน

[คำแปล]

“ชนเหล่าใดกำหนดรู้รูปธาตุ ไม่ตั้งอยู่ในอรูปธาตุ ย่อมหลุดพ้นไปได้ในนิโรธธาตุ ชนเหล่านั้น ชื่อว่าเป็นผู้ละมัจจุได้.”

(พุทฺธ) ขุ.อิติ. 25/265.

สุภาษิตนี้กล่าวถึงการเข้าใจและตระหนักรู้ในธรรมชาติของรูปธาตุ (ร่างกาย วัตถุ หรือสิ่งที่สามารถเห็นได้ด้วยตา) และอรูปธาตุ (สิ่งที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตา เช่น จิตใจ ความคิด และอารมณ์) ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้เป็นพื้นฐานสำคัญในกระบวนการฝึกตนเพื่อละการยึดติดและมุ่งสู่การหลุดพ้น

คำว่า “ชนเหล่าใดกำหนดรู้รูปธาตุ” หมายถึงบุคคลที่สามารถเข้าใจและตระหนักในธรรมชาติที่แท้จริงของรูปธาตุ ซึ่งหมายถึงการเห็นความไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน และไม่มีตัวตนที่แท้จริงของสิ่งเหล่านั้น การรู้เท่าทันรูปธาตุทำให้บุคคลไม่ยึดติดกับร่างกายหรือวัตถุที่มีอยู่ชั่วคราว

“ไม่ตั้งอยู่ในอรูปธาตุ” หมายถึงการไม่ยึดติดหรือไม่ให้ความสำคัญเกินควรกับอรูปธาตุหรือสิ่งที่ไม่มีตัวตนที่ชัดเจน เช่น ความรู้สึก ความคิด หรืออารมณ์ที่เกิดขึ้นแล้วดับไป การไม่ยึดติดในอรูปธาตุเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งในการปล่อยวางจากสิ่งที่เป็นทางโลก

เมื่อบุคคลได้ตระหนักรู้ในธรรมชาติของรูปธาตุและไม่ยึดติดในอรูปธาตุ เขาก็จะสามารถหลุดพ้นไปได้ใน “นิโรธธาตุ” ซึ่งหมายถึงภาวะของการดับสิ้นไปของกิเลสและความทุกข์ทั้งปวง เรียกว่า “นิพพาน” นิโรธธาตุเป็นจุดหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนาที่บุคคลพึงไปให้ถึง

ชนเหล่านั้นจึง “เป็นผู้ละมัจจุได้” หมายถึง บุคคลที่สามารถหลุดพ้นในนิโรธธาตุได้แล้ว ย่อมสามารถข้ามพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด คือพ้นจากการเกิดใหม่ในภพภูมิต่าง ๆ ไม่มีการกลับไปสู่ความตายอีกครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนว่าเป็นจุดหมายสูงสุดของการปฏิบัติธรรม

สรุป สุภาษิตนี้กล่าวถึงกระบวนการฝึกตนเพื่อเข้าใจในธรรมชาติของรูปธาตุและอรูปธาตุ และมุ่งไปสู่การหลุดพ้นจากความยึดติดในสิ่งเหล่านั้น เพื่อนำไปสู่การดับสิ้นของทุกข์และกิเลส เพื่อเดินทางสู่ความหลุดพ้นที่สมบูรณ์ในพระพุทธศาสนา.