ผู้ใดไม่โกรธ ไม่ผูกโกรธ ไม่ลบหลู่ ถึงความหมดจด มีทิฏฐิสมบูรณ์ มีปัญญา พึงรู้ว่าผู้นั้นเป็นอริยะ
อกฺโกธโน อนุปนาหี อมกฺขี สุทฺธตํ คโต
สมฺปนฺนทิฏฺฐิ เมธาวี ตํ ชญฺญา อริโย อิติ.
[คำอ่าน]
อัก-โก-ทะ-โน, อะ-นุ-ปะ-นา-หี อะ-มัก-ขี, สุด-ทะ-ตัง, คะ-โต
สำ-ปัน-นะ-ทิด-ถิ, เม-ทา-วี ตัง, ชัน-ยา, อะ-ริ-โย, อิ-ติ
[คำแปล]
“ผู้ใดไม่โกรธ ไม่ผูกโกรธ ไม่ลบหลู่ ถึงความหมดจด มีทิฏฐิสมบูรณ์ มีปัญญา พึงรู้ว่าผู้นั้นเป็นอริยะ.”
(สารีปุตฺตเถร) ขุ.ปฏิ. 31/241.
คำว่า “อริยะ” (หรือ “อริยบุคคล”) หมายถึงบุคคลที่บรรลุธรรมขั้นสูง ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า โดยมีความหมายเฉพาะสำหรับบุคคลที่ได้เข้าถึงหรือกำลังอยู่บนเส้นทางสู่การหลุดพ้นจากทุกข์และการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ
อริยบุคคลแบ่งเป็น 4 ระดับ ได้แก่
- โสดาบัน (โสตาปันนะ) – ผู้ที่เข้าถึงมรรคผลขั้นแรก ตัดขาดจากสังโยชน์ 3 ข้อแรก และจะเกิดอีกไม่เกิน 7 ชาติ
- สกทาคามี (สกทาคามี) – ผู้ที่เข้าถึงมรรคผลขั้นที่สอง มีการเวียนเกิดอีกไม่เกินหนึ่งครั้ง
- อนาคามี (อนาคามี) – ผู้ที่เข้าถึงมรรคผลขั้นที่สาม ไม่ต้องเวียนกลับมาเกิดในโลกมนุษย์อีกต่อไป แต่จะไปบังเกิดในพรหมโลก แล้วบรรลุพระนิพพานในพรหมโลกนั้น
- อรหันต์ (อรหันต์) – ผู้ที่บรรลุมรรคผลขั้นสูงสุด ได้หลุดพ้นจากทุกข์โดยสมบูรณ์ และจะไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏอีกต่อไป
บุคคลผู้เป็นอริยะย่อมประกอบด้วยคุณสมบัติดังนี้
ไม่โกรธ อริยบุคคลย่อมสามารถตัดความโกรธได้ มีจิตใจที่ประกอบด้วยเมตตากรุณา มีสติรู้เท่าทันอารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เมื่อมีอารมณ์ใด ๆ มากระทบก็ไม่โกรธไม่ขุ่นเคือง
ไม่ผูกโกรธ อริยบุคคลย่อมมีจิตใจที่ประกอบด้วยเมตตา ไม่ผูกอาฆาตพยาบาทในบุคคลอื่น ไม่มีจิตคิดประทุษร้ายคนอื่นสัตว์อื่นให้ได้รับความทุกข์ความเดือดร้อน และไม่จองเวรจองกรรมจ้องล้างผลาญใครๆ
ไม่ลบหลู่ อริยบุคคลย่อมไม่ลบหลู่ความบริสุทธิ์ของตนเองและของผู้อื่น ย่อมปฏิบัติบำเพ็ญเพื่อขัดเกลากิเลสของตน เมื่อเข้าถึงความบริสุทธิ์ในแต่ละระดับก็ไม่เย่อหยิ่งจองหองด้วยความบริสุทธิ์ที่ตนเข้าถึงนั้น
ถึงความหมดจด อริยบุคคลย่อมมีจิตใจที่บริสุทธิ์หมดจดจากกิเลสตัณหา สามารถทำลายสังโยชน์ได้ตามระดับขั้นที่ตนเข้าถึง
มีทิฏฐิสมบูรณ์ อริยบุคคลย่อมเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยสัมมาทิฏฐิคือความเห็นชอบตามทำนองคลองธรรม ไม่มีความเห็นผิดนอกลู่นอกทาง
มีปัญญา อริยบุคคลย่อมมีปัญญารู้เห็นสรรพสิ่งตามความเป็นจริง ไม่หลงใหลในสิ่งลวงโลก ไม่หลงงมงายในสิ่งเหลวไหลไร้สาระทั้งหลาย
ทั้งนี้คุณสมบัติต่าง ๆ ดังกล่าวจะสมบูรณ์เพียงใดก็ขึ้นอยู่กับระดับชั้นแห่งความเป็นอริยะหรือระดับของมรรคผลที่บุคคลนั้น ๆ เข้าถึง.