ใครจะติคนฉลาดประพฤติไม่ขาด ตั้งมั่นด้วยปัญญาและศีลประดุจแท่งทองชมพูนุท

ใครจะติคนฉลาดประพฤติไม่ขาด

อจฺฉิทฺทวุตฺตึ เมธาวึ     ปญฺญาสีลสมาหิตํ
เนกฺขํ ชมฺโพนทสฺเสว     โก ตํ นินฺทิตุมรหติ.

[คำอ่าน]

อัด-ฉิด-ทะ-วุด-ติง, เม-ทา-วิง     ปัน-ยา-สี-ละ-สะ-มา-หิ-ตัง
เนก-ขัง, ชำ-โพ-นะ-ทัด-เส-วะ     โก, ตัง, นิน-ทิ-ตุ-มะ-ระ-หะ-ติ

[คำแปล]

“ใครจะติคนฉลาดประพฤติไม่ขาด ตั้งมั่นด้วยปัญญาและศีลประดุจแท่งทองชมพูนุท.”

(พุทฺธ) ขุ.ธ. 25/45.

สุภาษิตนี้อธิบายถึงคุณลักษณะของคนที่มีปัญญาและศีลธรรมอันมั่นคง ซึ่งเปรียบเทียบคนเช่นนี้เหมือนกับแท่งทองชมพูนุท ซึ่งเป็นทองคำที่มีคุณค่ามาก การนำคุณสมบัติของทองชมพูนุทมาเปรียบเทียบนี้เพื่อเน้นถึงความสำคัญและคุณค่าของปัญญาและศีลธรรมในตัวบุคคล

เริ่มจากการกล่าวถึง “คนฉลาด” คนฉลาดในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเพียงผู้ที่มีความรู้มากเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงผู้ที่มีความสามารถในการใช้ปัญญาในการพิจารณาไตร่ตรองเรื่องต่าง ๆ ด้วยความรอบคอบและถูกต้อง ความฉลาดที่แท้จริงไม่ใช่เพียงการมีความรู้ แต่เป็นการสามารถนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งตนเองและผู้อื่นด้วย

นอกจากปัญญาแล้ว สิ่งที่เป็นคุณลักษณะสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ “ศีล” การมีศีลหมายถึงการประพฤติตนตามหลักธรรมคำสอน มีความถูกต้องดีงามในการกระทำ คำพูด และความคิด คนที่มีศีลธรรมสูงจะไม่เบียดเบียนผู้อื่น และจะปฏิบัติตนอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม

เมื่อทั้งปัญญาและศีลธรรมรวมกันอยู่ในตัวคนคนหนึ่ง ก็เปรียบเสมือนกับแท่งทองชมพูนุท ซึ่งเป็นทองคำที่มีความบริสุทธิ์สูงและมีมูลค่ามาก ทองชมพูนุทเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และความมีคุณค่า ซึ่งในที่นี้หมายถึงความสูงส่งของปัญญาและศีลธรรมในตัวบุคคล

คนที่มีปัญญาและศีลธรรมเช่นนี้จึงเป็นผู้ที่ยากจะถูกติเตียน เพราะการกระทำของเขามักจะเป็นไปด้วยความระมัดระวังและพิจารณาอย่างดีแล้ว และยังคงรักษาความถูกต้องและศีลธรรมในทุกการกระทำอีกด้วย ไม่ว่าจะเผชิญกับสถานการณ์ใด คนเช่นนี้มักจะสามารถควบคุมตนเองและปฏิบัติตนได้อย่างเหมาะสม

การเปรียบเทียบคนฉลาดที่มีปัญญาและศีลธรรมกับแท่งทองชมพูนุทนั้น ไม่เพียงแต่จะเป็นการยกย่องบุคคลที่มีคุณสมบัติที่ดีงามเหล่านี้ แต่ยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้คนในสังคมได้เห็นคุณค่าของการมีปัญญาและศีลธรรมในตนเอง และมุ่งหวังที่จะประพฤติปฏิบัติเพื่อให้เป็นคนที่มีคุณค่าและเป็นที่เคารพในสังคมเช่นกัน.