ผู้มีสติย่อมขวนขวาย ท่านไม่ยินดีในที่อยู่ ท่านย่อมละที่อยู่ไปได้ ดุจหงส์ละเปือกตมไปฉะนั้น

อุยฺยุญฺชนฺติ สตีมนฺโต

อุยฺยุญฺชนฺติ สตีมนฺโต     น นิเกเต รมนฺติ เต
หํสาว ปลฺลลํ หิตฺวา     โอกโมกํ ชหนฺติ เต.

[คำอ่าน]

อุย-ยุน-ชัน-ติ, สะ-ตี-มัน-โต     นะ, นิ-เก-เต, ระ-มัน-ติ, เต
หัง-สา-วะ, ปัน-ละ-ลัง, หิด-ตะ-วา     โอ-กะ-โม-กัง, ชะ-หัน-ติ, เต

[คำแปล]

“ผู้มีสติย่อมขวนขวาย ท่านไม่ยินดีในที่อยู่ ท่านย่อมละที่อยู่ไปได้ ดุจหงส์ละเปือกตมไปฉะนั้น.”

(พุทฺธ) ขุ.ธ. 25/27.

ท่านผู้มีสติสมบูรณ์ ซึ่งหมายถึงพระขีณาสพ คือผู้ที่หมดสิ้นกิเลสอาสวะแล้ว เป็นผู้ที่ไม่หลงเหลือความยึดมั่นในสิ่งใด ๆ อีกต่อไป พระขีณาสพเหล่านี้เป็นผู้ที่ขวนขวายในการรักษาคุณวิเศษที่ตนได้บรรลุมาแล้ว เช่น ฌานและวิปัสสนา ซึ่งเป็นผลของการปฏิบัติอย่างมุ่งมั่นและตั้งใจ พระขีณาสพจะไม่หยุดนิ่งในสิ่งที่ตนได้มา แต่ยังคงขยันหมั่นเพียรในการพิจารณาฌานและวิปัสสนานั้น เพื่อให้จิตใจของตนดำรงอยู่ในสภาพที่บริสุทธิ์และมั่นคง

ด้วยความที่พระขีณาสพเป็นผู้หมดสิ้นกิเลสแล้ว ท่านย่อมไม่อาลัยในสิ่งทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นสถานที่พักอาศัย หรือความสัมพันธ์กับตระกูลอุปัฏฐากที่ให้การอุปถัมภ์ เมื่อถึงคราวที่ท่านจะต้องละที่อยู่ ท่านก็สามารถละไปได้โดยไม่มีความอาลัยหรือห่วงหาในสิ่งเหล่านั้นเลย ท่านสามารถดำรงชีวิตอยู่ที่ใดก็ได้ โดยไม่รู้สึกว่าตนเองยึดติดกับสถานที่หรือสิ่งใด ๆ

พฤติกรรมเช่นนี้ของพระขีณาสพสามารถเปรียบเทียบกับฝูงนกที่อากินตามเปือกตม นกเหล่านี้อาจอยู่ในที่ที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ แต่เมื่อได้อาหารตามสมควรแล้ว พวกมันก็จะบินไปที่อื่นโดยไม่มีความอาลัยในเปือกตมนั้น เปือกตมที่อุดมสมบูรณ์สำหรับนกเปรียบเสมือนความสะดวกสบายในโลกนี้ที่แม้จะมีมากมายเพียงใด แต่สำหรับพระขีณาสพแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งชั่วคราวที่ไม่ควรยึดติด

พระขีณาสพมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า ทุกสิ่งในโลกนี้เป็นเพียงสภาพชั่วคราว และไม่สามารถนำพาความสุขที่แท้จริงมาให้ได้ ดังนั้น ท่านจึงไม่ยึดมั่นในสิ่งที่ไม่เที่ยงเหล่านี้ แต่จะมุ่งมั่นในการแสวงหาความสุขที่แท้จริงซึ่งมาจากการพ้นจากกิเลสและอาสวะทั้งปวง

การไม่อาลัยในสิ่งทั้งปวงยังหมายถึงการที่พระขีณาสพไม่มีความยึดมั่นในสิ่งใด ๆ ที่เป็นของโลก ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน หรือสถานที่ ความสามารถในการละทิ้งสิ่งเหล่านี้โดยไม่มีความห่วงหาเป็นการแสดงถึงการเข้าถึงความเป็นอิสระจากการยึดติด

สุภาษิตนี้เป็นเครื่องเตือนใจให้เราตระหนักถึงความไม่เที่ยงของสิ่งในโลกนี้ และการฝึกฝนจิตใจให้ไม่ยึดติดในสิ่งเหล่านั้น เพื่อให้เราสามารถละทิ้งสิ่งที่เป็นภาระและมุ่งไปสู่ความสุขที่แท้จริงได้ เช่นเดียวกับที่พระขีณาสพสามารถละทิ้งทุกสิ่งโดยไม่มีความอาลัย.