บัณฑิตทั้งหลายกล่าวถึงผู้นิ่งทางกาย นิ่งทางวาจา นิ่งทางใจ ไม่มีอาสวะ ถึงพร้อมด้วยปัญญา ผู้ละสิ่งทั้งปวงได้ ว่าเป็นมุนี
กายมุนึ วาจามุนึ เจโตมุนิมนาสวํ
มุนึ โมเนยฺยสมฺปนฺนํ อาหุ สพฺพปหายินํ.
[คำอ่าน]
กา-ยะ-มุ-นิง, วา-จา-มุ-นิง เจ-โต-มุ-นิ-มะ-นา-สะ-วัง
มุ-นิง, โม-ไน-ยะ-สำ-ปัน-นัง อา-หุ, สับ-พะ-ปะ-หา-ยิ-นัง
[คำแปล]
“บัณฑิตทั้งหลายกล่าวถึงผู้นิ่งทางกาย นิ่งทางวาจา นิ่งทางใจ ไม่มีอาสวะ ถึงพร้อมด้วยปัญญา ผู้ละสิ่งทั้งปวงได้ ว่าเป็นมุนี.”
(พุทฺธ) องฺ.ติก. 20/352.
คำว่า “ผู้นิ่งทางกาย” หมายถึง ผู้สงบระงับจากการกระทำบาปทางกาย ที่เรียกว่ากายทุจริตทั้ง 3 ประการ ซึ่งประกอบด้วย
- ปาณาติบาต (การฆ่าสัตว์) การทำลายชีวิตหรือฆ่าสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าสัตว์เล็กหรือสัตว์ใหญ่ รวมถึงการกระทำให้ผู้อื่นเจ็บปวดหรือทรมาน
- อทินนาทาน (การลักขโมย) การเอาสิ่งของของผู้อื่นมาเป็นของตนโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการกระทำที่เป็นการลักขโมย โกง หรือเบียดเบียนทรัพย์สินของผู้อื่น
- กาเมสุมิจฉาจาร (การประพฤติผิดในกาม) การทำสิ่งที่ผิดศีลในเรื่องของกามารมณ์
คำว่า “นิ่งทางวาจา” หมายถึง สงบระงับจากการกระทำบาปทางวาจา ที่เรียกว่าวจีทุจริตทั้ง 4 ประการ ซึ่งประกอบด้วย
- มุสาวาท (การพูดเท็จ) การพูดไม่จริง หรือการโกหก ไม่ว่าจะเป็นการพูดเพื่อผลประโยชน์ของตนเองหรือเพื่อหลอกลวงผู้อื่น
- ปิสุณาวาจา (การพูดส่อเสียด) การพูดในลักษณะที่ทำให้เกิดความแตกแยก ความบาดหมาง หรือสร้างความขัดแย้งระหว่างบุคคลหรือกลุ่มคน
- ผรุสวาจา (การพูดคำหยาบ) การใช้คำพูดที่หยาบคาย รุนแรง หรือสร้างความเสียหายต่อจิตใจของผู้อื่น การด่าทอ หยามเกียรติ หรือทำให้ผู้อื่นรู้สึกเจ็บปวด
- สัมผัปปลาปะ (การพูดเพ้อเจ้อ) การพูดเรื่องไร้สาระหรือไม่มีประโยชน์ การพูดมากเกินไปหรือพูดเรื่องที่ไม่จำเป็น ซึ่งไม่เกิดประโยชน์ต่อผู้ฟังหรือการสนทนา
คำว่า “นิ่งทางใจ” หมายถึง สงบระงับจากการกระทำบาปทางใจ ที่เรียกว่ามโนทุจริตทั้ง 3 ประการ ซึ่งประกอบด้วย
- อภิชฌา (ความโลภ) การมีความโลภอยากได้ในสิ่งที่เป็นของผู้อื่น หรือมีความปรารถนาในทรัพย์สินของผู้อื่นโดยไม่ชอบธรรม ความคิดนี้เป็นต้นเหตุให้เกิดการกระทำที่ผิดศีล เช่น การขโมยหรือการเอาเปรียบผู้อื่น
- พยาบาท (ความโกรธ) การมีความโกรธเกลียดหรือปรารถนาร้ายต่อผู้อื่น การคิดอยากให้ผู้อื่นได้รับความเจ็บปวดหรือความทุกข์ การเก็บความอาฆาตพยาบาทไว้ในใจ
- มิจฉาทิฏฐิ (ความเห็นผิด) การมีความเห็นหรือความเชื่อที่ไม่ตรงกับสัจธรรม เช่น การไม่เชื่อในกรรมและผลของกรรม หรือการมีความเชื่อที่ผิดๆ ซึ่งทำให้จิตใจตกไปในทางที่ผิดและไม่สามารถดำเนินชีวิตในทางที่ถูกต้องได้
คำว่า “ไม่มีอาสวะ” หมายถึงสภาวะที่จิตใจปราศจากกิเลสหรือสิ่งเศร้าหมองทั้งปวง อาสวะในที่นี้หมายถึงกิเลสหรือสิ่งที่ทำให้จิตใจขุ่นมัวและเป็นอุปสรรคต่อการบรรลุธรรม เช่น ความโลภ ความโกรธ ความหลง และความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งต่างๆ การที่บุคคล “ไม่มีอาสวะ” คือการที่จิตใจของเขาปลอดจากกิเลสเหล่านี้อย่างสิ้นเชิง เป็นจิตใจที่บริสุทธิ์และสงบ สมบูรณ์ในธรรม ไม่มีสิ่งใดมากระทบหรือทำให้เกิดความทุกข์อีกต่อไป สภาวะนี้ถือเป็นการบรรลุธรรมสูงสุดในพุทธศาสนา ซึ่งทำให้บุคคลนั้นหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดและเข้าสู่นิพพาน
คำว่า “ถึงพร้อมด้วยปัญญา” หมายถึงการมีปัญญาที่สมบูรณ์และบริบูรณ์ ซึ่งปัญญาในที่นี้หมายถึงความรู้แจ้งในสัจธรรมของชีวิตและโลก ความเข้าใจที่ลึกซึ้งในธรรมะ และการมองเห็นความจริงของสิ่งต่างๆ อย่างชัดเจนโดยไม่ถูกครอบงำด้วยอวิชชาหรือความหลงผิด ผู้ที่ “ถึงพร้อมด้วยปัญญา” เป็นผู้ที่สามารถแยกแยะถูกผิด เห็นเหตุและผลของการกระทำ มองเห็นความไม่เที่ยงของสรรพสิ่ง และไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใดๆ ปัญญานี้นำพาให้เขาสามารถดำเนินชีวิตด้วยความสงบและปล่อยวางจากความทุกข์ทั้งปวง
คำว่า “ละสิ่งทั้งปวงได้” หมายถึงการที่บุคคลสามารถปล่อยวางและไม่ยึดติดกับสิ่งต่างๆ ในโลก ทั้งทางกายภาพและทางจิตใจ การละสิ่งทั้งปวงนี้ครอบคลุมถึงการปล่อยวางจากความโลภ ความโกรธ ความหลง รวมถึงความยึดมั่นในทรัพย์สิน บุคคล ความคิด ความเชื่อ และอัตตาหรือความเป็นตัวตนของตนเอง ผู้ที่ละสิ่งทั้งปวงได้ย่อมไม่มีความผูกพันหรือความกังวลในสิ่งใดๆ อีกต่อไป จิตใจของเขาจะเป็นอิสระจากความทุกข์และความวุ่นวาย สามารถดำรงอยู่ในความสงบและสันติอย่างแท้จริง เป็นสภาวะที่นำไปสู่ความหลุดพ้นในพุทธศาสนา
บุคคลผู้มีคุณสมบัติดังกล่าวข้างต้นนั้น คือ นิ่งทางกาย นิ่งทางวาจา นิ่งทางใจ ไม่มีอาสวะ ถึงพร้อมด้วยปัญญา และละสิ่งทั้งปวงได้ เรียกว่า มุนี คำว่า “มุนี” หมายถึงผู้ที่มีความสงบ สันโดษ และมีสติปัญญาอันสูงส่ง มุนีเป็นคำที่ใช้เรียกบุคคลผู้ปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด จนสามารถละบาปและกิเลสทั้งปวงได้ จิตใจของมุนีมีความสงบปราศจากความทุกข์และความกังวลใดๆ มุนีเป็นผู้ที่ไม่ยึดติดในสิ่งทั้งปวง มีปัญญาที่สมบูรณ์บริบูรณ์ มองเห็นสัจธรรมของชีวิตและโลก และอยู่เหนือความทุกข์ทั้งปวง ในพุทธศาสนา มุนีจึงหมายถึงพระอรหันต์ ผู้บรรลุธรรมสูงสุดเข้าสู่นิพพาน.