เมื่อสัตบุรุษให้สิ่งที่ให้ยาก ทำกรรมที่ทำได้ยาก อสัตบุรุษย่อมทำตามไม่ได้ เพราะธรรมของสัตบุรุษยากที่อสัตบุรุษจะประพฤติตาม
ทุทฺททํ ททมานานํ ทุกฺกรํ กมฺมกุพฺพตํ
อสนฺโต นานุกุพฺพนฺติ สตํ ธมฺโม ทุรนฺวโย.
[คำอ่าน]
ทุด-ทะ-ทัง, ทะ-ทะ-มา-นา-นัง ทุก-กะ-รัง, กำ-มะ-กุบ-พะ-ตัง
อะ-สัน-โต, นา-นุ-กุบ-พัน-ติ สะ-ตัง, ทำ-โม, ทุ-รัน-วะ-โย
[คำแปล]
“เมื่อสัตบุรุษให้สิ่งที่ให้ยาก ทำกรรมที่ทำได้ยาก อสัตบุรุษย่อมทำตามไม่ได้ เพราะธรรมของสัตบุรุษยากที่อสัตบุรุษจะประพฤติตาม.”
(โพธิสตฺต) ขุ.ชา.ทุก. 27/63.
สัตบุรุษและอสัตบุรุษเป็นคำที่สะท้อนถึงคุณธรรมและศีลธรรมของมนุษย์ โดย “สัตบุรุษ” หมายถึงบุคคลที่มีจิตใจดี มีความประพฤติปฏิบัติตนไปในทางที่ถูกต้องตามหลักศีลธรรมและกฎหมาย ในขณะที่ “อสัตบุรุษ” หมายถึงบุคคลที่มีจิตใจชั่ว ประพฤติตนไปในทางที่เสื่อมเสีย ขัดต่อหลักศีลธรรมและกฎหมาย การกระทำของสัตบุรุษนั้นย่อมเป็นไปในทางที่ดีงาม เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น ในขณะที่การกระทำของอสัตบุรุษมักจะก่อให้เกิดความเสียหายและความทุกข์ทรมานแก่ทั้งตนเองและสังคมโดยรวม
สัตบุรุษจะมีจิตใจที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีเมตตากรุณาต่อผู้อื่น และมีความตั้งใจที่จะประพฤติตนไปในทางที่ดี ซึ่งส่งผลให้สังคมได้รับประโยชน์และความสงบสุข บุคคลเหล่านี้มักจะยึดมั่นในหลักศีลธรรมที่ดี มีความซื่อสัตย์ สุจริต และมีความรับผิดชอบต่อการกระทำของตน ในขณะที่อสัตบุรุษนั้นมักจะขาดคุณธรรม ขาดความซื่อสัตย์ และไม่ใส่ใจต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการกระทำของตน สภาพจิตใจของอสัตบุรุษนั้นมักจะเต็มไปด้วยความโกรธ ความอิจฉาริษยา และความเห็นแก่ตัว ซึ่งนำไปสู่การกระทำที่ขัดต่อหลักศีลธรรมและกฎหมาย
การที่อสัตบุรุษจะประพฤติตนตามแบบอย่างของสัตบุรุษนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะสภาพจิตใจของทั้งสองนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง ความเป็นสัตบุรุษหรืออสัตบุรุษนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานะทางสังคม ฐานะทางการเงิน หรือการศึกษา แต่มันขึ้นอยู่กับความตั้งใจและการเลือกที่จะประพฤติตนไปในทางที่ดีหรือชั่ว เมื่อจิตใจของบุคคลหนึ่งถูกฝังด้วยความคิดที่เห็นแก่ตัว ขาดคุณธรรม และความเมตตา การเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีนั้นย่อมเป็นเรื่องยาก เพราะต้องเผชิญกับการต่อสู้ภายในตัวเองอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม อาจกล่าวได้ว่าทุกคนมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองจากอสัตบุรุษไปสู่สัตบุรุษ หากเขามีความตั้งใจจริงและมีการฝึกฝนจิตใจให้เต็มไปด้วยคุณธรรมและความดี การเปลี่ยนแปลงนี้ต้องใช้เวลา ความอดทน และการพิจารณาอย่างละเอียดในทุกการกระทำของตนเอง ในที่สุดแล้ว การที่บุคคลหนึ่งจะกลายเป็นสัตบุรุษหรืออสัตบุรุษนั้นขึ้นอยู่กับการเลือกของเขาเองในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต
สรุปได้ว่า ความเป็นสัตบุรุษและอสัตบุรุษนั้นเป็นผลลัพธ์ของการเลือกทางจิตใจที่ต่างกันอย่างชัดเจน สัตบุรุษจะเลือกปฏิบัติตนไปในทางที่ดี ตามหลักศีลธรรมอันดี ในขณะที่อสัตบุรุษเลือกที่จะกระทำในทางที่ผิดและขัดต่อศีลธรรม การเปลี่ยนแปลงจากอสัตบุรุษไปสู่สัตบุรุษนั้นเป็นไปได้ แต่ต้องอาศัยความพยายามและความตั้งใจที่จะทำความดีในทุกๆ การกระทำของชีวิต.