บุคคลไม่ควรนิยมการกล่าวคำเท็จ ไม่ควรทำความเสน่หาในรูปโฉม ควรกำหนดรู้มานะ และประพฤติงดเว้นจากความผลุนผลัน
โมสวชฺเช น นิยฺเยถ รูเป เสฺนหํ น กุพฺพเย
มานญฺจ ปริชาเชยฺย สาหสา วิรโต จเร.
[คำอ่าน]
โม-สะ-วัด-เช, นะ, นิย-เย-ถะ รู-เป, สะ-เน-หัง, นะ, กุบ-พะ-เย
มา-นัน-จะ, ปะ-ริ-ชา-ไช-ยะ สา-หะ-สา, วิ-ระ-โต, จะ-เร
[คำแปล]
“บุคคลไม่ควรนิยมการกล่าวคำเท็จ ไม่ควรทำความเสน่หาในรูปโฉม ควรกำหนดรู้มานะ และประพฤติงดเว้นจากความผลุนผลัน.”
(พุทฺธ) ขุ.สุ. 25/518, ขุ.มหา. 29/517.
การพูดเท็จถือเป็นหนึ่งในวจีทุจริต ซึ่งเป็นการประพฤติชั่วที่ผิดศีลข้อที่ 4 โดยตรง การโกหกนอกจากจะทำให้ตนเองสูญเสียความเชื่อถือจากผู้อื่นแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างทั้งในด้านความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ การพูดเท็จบ่อยครั้งอาจสร้างบาปกรรมที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ตนเองในภายหลัง ดังนั้นบุคคลควรตระหนักถึงผลเสียของการโกหกและหลีกเลี่ยงการกล่าวคำเท็จ เพื่อรักษาศีลและความสุจริตในชีวิตประจำวัน
อีกประการหนึ่ง การมีความหลงใหลในรูปโฉมหรือความงดงามภายนอกอาจก่อให้เกิดผลเสียได้ เมื่อบุคคลหนึ่งหลงใหลในความงดงามของผู้อื่น เขาหรือเธออาจถูกล่อลวงไปสู่การผิดศีลข้อที่ 3 คือ การผิดในกาม หรือในทางกลับกัน หากเราหลงใหลในความงดงามของตนเอง เราจะถูกครอบงำด้วยความยึดมั่นถือมั่นในรูปที่ไม่เที่ยง ไม่สามารถปล่อยวางได้ ความยึดมั่นเช่นนี้เป็นบ่อเกิดของทุกข์และความไม่เป็นสุข ดังนั้น บุคคลจึงไม่ควรยึดติดกับรูปโฉม ควรเข้าใจถึงธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง
มานะ หรือความถือตัว เป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการบรรลุธรรมะขั้นสูง ความถือตัวทำให้บุคคลยึดมั่นและไม่สามารถมองเห็นความจริงที่ปรากฏตามธรรมชาติ ดังนั้น บุคคลจึงควรฝึกฝนการละมานะ กำจัดความถือตัวให้ได้ เพื่อให้เกิดความสงบสุขและเข้าใกล้ธรรมะมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ความผลุนผลัน หรือการกระทำที่ขาดการพิจารณาอย่างรอบคอบ เป็นสาเหตุของความเสียหายทั้งต่อตนเองและผู้อื่น เมื่อบุคคลรีบเร่งตัดสินใจหรือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่รอบคอบ อาจก่อให้เกิดผลที่ไม่พึงประสงค์ตามมา การมีสติสัมปชัญญะเป็นสิ่งสำคัญในการพิจารณาสิ่งต่าง ๆ อย่างละเอียดรอบคอบ ก่อนที่จะลงมือกระทำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลเสียในภายหลัง
เมื่อบุคคลปฏิบัติตนโดยไม่พูดเท็จ ไม่หลงใหลในรูปโฉม ไม่มีมานะ และทำทุกสิ่งด้วยความมีสติปัญญาและการพิจารณา บุคคลนั้นย่อมประสบความสุขและความเจริญในทุกด้าน ทั้งในทางโลกและทางธรรม.