ผู้ใดไม่มีความยึดถือว่าของเรา ในนามรูป โดยประการทั้งปวง และผู้ใดย่อมไม่เศร้าโศกเพราะนามรูปที่ไม่มีอยู่ ผู้นั้นแล ท่านเรียกว่าภิกษุ

สพฺพโส นามรูปสฺมึ

สพฺพโส นามรูปสฺมึ     ยสฺส นตฺถิ มมายิตํ
อสตา จ น โสจติ     ส เว ภิกฺขูติ วุจฺจติ.

[คำอ่าน]

สับ-พะ-โส, นา-มะ-รู-ปัด-สะ-หมิง     ยัด-สะ, นัด-ถิ, มะ-มา-ยิ-ตัง
อะ-สะ-ตา, จะ, นะ, โส-จะ-ติ     สะ, เว, พิก-ขู-ติ, วุด-จะ-ติ

[คำแปล]

“ผู้ใดไม่มีความยึดถือว่าของเรา ในนามรูป โดยประการทั้งปวง และผู้ใดย่อมไม่เศร้าโศกเพราะนามรูปที่ไม่มีอยู่ ผู้นั้นแล ท่านเรียกว่าภิกษุ.”

(พุทฺธ) ขุ.ธ. 25/65.

คำว่า “นามรูป” หมายถึง นาม (องค์ประกอบทางจิตใจ เช่น เวทนา, สัญญา, สังขาร, วิญญาณ) และ รูป (ร่างกายหรือองค์ประกอบทางกายภาพ) ซึ่งทั้งนามและรูปนี้ประกอบขึ้นเป็นสิ่งที่เราเรียกว่า “ตัวตน”

ผู้ที่ไม่มีความยึดมั่นถือมั่นในนามรูปว่าเป็น “ของเรา” หมายถึงบุคคลที่ไม่ถือว่านามรูปคือตัวตนของฉัน หรือเป็นของฉัน การยึดถือนามรูปว่าเป็นของเราคือการยึดติดในตัวตน ซึ่งเป็นเหตุของความทุกข์ การละวางความยึดติดนี้เป็นก้าวสำคัญในการหลุดพ้นจากสังสารวัฏและการเวียนว่ายตายเกิด

เมื่อบุคคลไม่มีความยึดติดในนามรูปแล้ว การเกิดหรือดับของนามรูปก็จะไม่ก่อให้เกิดความเศร้าโศก การไม่เศร้าโศกเพราะนามรูปที่ไม่มีอยู่หมายถึงการที่บุคคลนั้นไม่ถูกกระทบหรือไม่ยินดียินร้ายเพราะการเกิดขึ้นและดับลงของสรรพสิ่งในโลกนี้ รวมถึงร่างกายและจิตใจของตัวเองด้วย

การไม่ยึดติดในสิ่งเหล่านี้ทำให้บุคคลสามารถดำรงอยู่ในสภาวะที่ไม่มีความทุกข์จากการเปลี่ยนแปลง การเกิดดับ ซึ่งเป็นลักษณะของการตื่นรู้หรือการบรรลุถึงพระนิพพาน ซึ่งเป็นสภาวะที่ปราศจากความยึดมั่นในตัวตน

คำว่า “ภิกษุ” ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเพียงผู้ที่บวชเป็นพระสงฆ์นุ่งห่มจีวรเท่านั้น แต่หมายถึงผู้ที่ได้ละวางจากการยึดมั่นถือมั่นในตัวตนและความทุกข์ต่าง ๆ ได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ยึดติดในนามรูปและไม่ถูกครอบงำด้วยความทุกข์จากการเปลี่ยนแปลงในชีวิต

ภิกษุ ตามนิยามของพระพุทธเจ้าในสุภาษิตนี้ จึงหมายถึงผู้ที่หลุดพ้นจากความยึดมั่นในนามรูป ไม่มีความทุกข์จากการเกิดดับของนามรูป และเข้าถึงความสงบของจิตใจอย่างแท้จริง.