ผู้มีบุตรย่อมเศร้าโศกเพราะบุตร ผู้มีโคย่อมเศร้าโศกเพราะโคเหมือนกัน นรชนมีความเศร้าโศกเพราะอุปธิ ผู้ใดไม่มีอุปธิ ผู้นั้นไม่ต้องเศร้าโศกเลย

โสจติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา

โสจติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา
โคมิโก โคหิ ตเถว โสจติ
อุปธีหิ นรสฺส โสจนา
น หิ โส โสจติ โย นิรูปธิ.

[คำอ่าน]

โส-จะ-ติ, ปุด-เต-หิ, ปุด-ติ-มา
โค-มิ-โก, โค-หิ, ตะ-เถ-วะ, โส-จะ-ติ
อุ-ปะ-ที-หิ, นะ-รัด-สะ, โส-จะ-นา
นะ, หิ, โส, โส-จะ-ติ, โย, นิ-รู-ปะ-ทิ

[คำแปล]

“ผู้มีบุตรย่อมเศร้าโศกเพราะบุตร ผู้มีโคย่อมเศร้าโศกเพราะโคเหมือนกัน นรชนมีความเศร้าโศกเพราะอุปธิ ผู้ใดไม่มีอุปธิ ผู้นั้นไม่ต้องเศร้าโศกเลย.”

(พุทฺธ) สํ.ส. 15/9.

คำว่า “อุปธิ” ในพุทธภาษิตนี้ ได้แก่ กามกิเลส เครื่องเศร้าหมองเพราะกาม หรือสภาวะอันเป็นที่ตั้งที่รงไว้แห่งทุกข์ บุคคลผู้ละอุปธิยังไม่ได้ ย่อมเศร้าโศกเพราะสิ่งที่ตนรักที่ตนชอบพลัดพรากไป

คนที่มีบุตร ย่อมเป็นกังวลและทุกข์ใจเนื่องจากความรักและห่วงใยในบุตรของตน การยึดติดกับความเป็นเจ้าของและความรักที่มีต่อลูกสามารถนำมาซึ่งความทุกข์ เช่น การกลัวว่าจะเสียบุตรไป การไม่สบายใจในความเป็นอยู่ของบุตร หรือการต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดจากบุตร

ในทำนองเดียวกัน คนที่มีทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง เช่น โค หรือทรัพย์อื่นๆ ก็ย่อมกังวลใจและทุกข์ใจหากสิ่งเหล่านั้นสูญเสียไป ความยึดมั่นถือมั่นในทรัพย์สิน ทำให้เรารู้สึกทุกข์เมื่อมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเปลี่ยนแปลงหรือสูญหายไป

คนทั้งหลายที่ประสบกับความทุกข์อยู่ทุกวันนี้ ล้วนมีสาเหตุมาจากความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ตนรักและหวงแหนทั้งสิ้น เมื่อมีอยู่ก็มีความกลัวว่าจะสูญเสียไป เมื่อสูญเสียไปจริง ๆ ก็เป็นทุกข์ใจเพราะความอาลัยอาวร

ส่วนบุคคลผู้ปฏิบัติธรรมจนสามารถรู้แจ้งแทงตลอด เข้าใจสิ่งทั้งปวงตามความเป็นจริง สามารถตัดอุปธิได้แล้ว ไม่มีความยึดมั่นในสิ่งใด ๆ ย่อมไม่มีความทุกข์ใจเพราะความสูญเสียหรือพลัดพราก เพราะไม่มีความยึดมั่นถือมั่นนั่นเอง.