บุรุษเป็นบัณฑิตในที่ทั้งปวงก็หาไม่ แม้สตรีก็เป็นบัณฑิต มีปัญญาเฉียบแหลมในที่นั้น ๆ ได้เหมือนกัน
น หิ สพฺเพสุ ฐาเนสุ ปุริโส โหติ ปณฺฑิโต
อิตฺถีปิ ปณฺฑิตา โหติ ตตฺถ ตตฺถ วิจกฺขณา.
[คำอ่าน]
นะ, หิ, สับ-เพ-สุ, ถา-เน-สุ ปุ-ริ-โส, โห-ติ, ปัน-ทิ-โต
อิด-ถี-ปิ, ปัน-ทิ-โต, โห-ติ ตัด-ถะ, ตัด-ถะ, วิ-จัก-ขะ-นา
[คำแปล]
“บุรุษเป็นบัณฑิตในที่ทั้งปวงก็หาไม่ แม้สตรีก็เป็นบัณฑิต มีปัญญาเฉียบแหลมในที่นั้น ๆ ได้เหมือนกัน.”
(เทวตา) ขุ.ชา.อฏฺฐก. 27/241.
คำว่า “บัณฑิต” ตามความหมายในทางธรรม มิได้หมายถึงเพียงผู้ที่มีการศึกษาเล่าเรียนสูงเท่านั้น แต่หมายถึง “ผู้รู้ ผู้มีปัญญา และผู้ประพฤติดี” เป็นผู้ที่รู้จักแยกแยะสิ่งที่ควรและไม่ควร รู้จักควบคุมตนเองให้ประพฤติอยู่ในกรอบของศีลธรรม และดำเนินชีวิตอย่างมีเหตุผล มีเมตตา และมีประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น
ลักษณะของบัณฑิตสามารถพิจารณาได้จากการคิด การพูด และการกระทำ ประการแรกคือ คิดแต่เรื่องที่ดี บัณฑิตย่อมคิดในสิ่งที่ชอบธรรม คิดเพื่อแก้ปัญหา ไม่คิดร้าย ไม่ฟุ้งซ่านในเรื่องไร้สาระ ไม่คิดเบียดเบียนผู้อื่น ความคิดของเขามีพื้นฐานจากเมตตา สติปัญญา และความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม
ประการที่สองคือ พูดแต่เรื่องที่ดี คำพูดของบัณฑิตย่อมมีความจริง มีประโยชน์ และกล่าวด้วยเจตนาเมตตา เขาไม่พูดเท็จ ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียดหรือยุยงให้แตกแยก คำพูดของเขาเป็นที่ไว้วางใจของคนรอบข้าง และเป็นคำพูดที่เป็นไปเพื่อความสงบร่มเย็นและความสามัคคีในหมู่คณะ
ประการสุดท้ายคือ ทำแต่เรื่องที่ดี การกระทำของบัณฑิตย่อมอยู่ในกรอบแห่งศีลธรรม ไม่เบียดเบียน ไม่ล่วงละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น มีความเสียสละ เอื้อเฟื้อ และกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง แม้ต้องเผชิญกับความยากลำบาก เขาเลือกทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน และไม่ยอมประนีประนอมกับความชั่ว
คุณสมบัติเหล่านี้เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็สามารถฝึกฝนและประพฤติได้ ไม่จำกัดว่าต้องเป็นเพศชายหรือเพศหญิง เพราะความดีงามไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพศ แต่อยู่ที่จิตใจ การกระทำ และแนวทางที่ยึดถือในการดำเนินชีวิต ใครก็ตามที่มีความคิดดี พูดดี ทำดี ก็ย่อมได้ชื่อว่าเป็น “บัณฑิต” ทั้งสิ้น
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ควรดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นด้วยเหตุแห่งเพศ เพราะการเป็นบัณฑิตไม่ได้วัดกันที่เพศ วัย หรือฐานะ แต่วัดกันที่ความประพฤติและคุณธรรมในใจ หากบุคคลใดประพฤติดีจริง ก็สมควรได้รับความเคารพและยกย่องโดยไม่เลือกเพศ
การเปิดใจยอมรับความดีของผู้อื่นโดยไม่อคติ ย่อมเป็นทางที่นำสังคมไปสู่ความสงบและเจริญ ทั้งยังเป็นเครื่องแสดงว่าผู้ยอมรับนั้นก็มีใจเป็นบัณฑิตเช่นกัน สังคมใดที่เคารพคนดีโดยไม่เลือกเพศหรือฐานะ สังคมนั้นย่อมมั่นคงและน่าอยู่
ดังนั้น หากเราต้องการเป็นบัณฑิตที่แท้จริง จงเริ่มต้นที่การฝึกคิดดี พูดดี ทำดี และเปิดใจยอมรับคุณค่าของผู้อื่นโดยไม่มีอคติ เพราะความดีเป็นของกลาง เป็นสากล ไม่ขึ้นอยู่กับเพศ แต่ขึ้นอยู่กับการกระทำและความตั้งใจจริง.