ผู้ฉลาดเฉียบแหลม แสดงเหตุและไม่ใช่เหตุได้แจ่มแจ้ง และคาดเห็นผลประจักษ์ ย่อมเปลื้องตน (จากทุกข์) ได้ฉับพลัน อย่ากลัวเลย เขาจักกลับมาได้
ปณฺฑิโต จ วิยตฺโต จ วิภาวี จ วิจกฺขโณ
ขิปฺปํ โมเจติ อตฺตานํ มา ภายิตฺถาคมิสฺสติ.
[คำอ่าน]
ปัน-ทิ-โต, จะ, วิ-ยัด-โต, จะ วิ-พา-วี, จะ, วิ-จัก-ขะ-โน
ขิบ-ปัง, โม-เจ-ติ, อัด-ตา-นัง มา, พา-ยิด-ถา-คะ-มิด-สะ-ติ
[คำแปล]
“ผู้ฉลาดเฉียบแหลม แสดงเหตุและไม่ใช่เหตุได้แจ่มแจ้ง และคาดเห็นผลประจักษ์ ย่อมเปลื้องตน (จากทุกข์) ได้ฉับพลัน อย่ากลัวเลย เขาจักกลับมาได้.”
(ราช) ขุ.ชา.มหา. 28/344.
ผู้ฉลาดเฉียบแหลม คือ บุคคลผู้มีปัญญารู้เท่าทันสภาวะของโลกและชีวิต เขาไม่หลงเชื่อตามกระแสโดยไม่ใช้เหตุผล แต่สามารถวิเคราะห์เรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างละเอียดรอบคอบ รู้จักพิจารณาแยกแยะว่าเรื่องใดเป็นเหตุ และเรื่องใดมิใช่เหตุ ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของผู้ที่จะสามารถดำเนินชีวิตโดยไม่ประมาท และพาตนหลุดพ้นจากความทุกข์ได้
ความสามารถในการ แสดงเหตุและไม่ใช่เหตุได้แจ่มแจ้ง นั้น เป็นหลักแห่งปัญญาที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญ ผู้ที่สามารถรู้ว่าการกระทำใดเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ และการกระทำใดไม่ใช่หนทางแก้ทุกข์ ย่อมสามารถตัดเหตุแห่งทุกข์ได้อย่างถูกต้อง เช่น รู้ว่าโลภะ โทสะ และโมหะ เป็นต้นเหตุของความเดือดร้อน ก็จะหาทางลดละสิ่งเหล่านี้ด้วยสติและปัญญา
นอกจากนี้ ผู้มีปัญญายังสามารถ คาดเห็นผลประจักษ์ กล่าวคือ เขามองการณ์ไกล ไม่ยึดติดเพียงแค่ผลลัพธ์ชั่วขณะ แต่พิจารณาถึงผลระยะยาวจากการกระทำในปัจจุบัน เขาย่อมรู้ดีว่าความประมาทในวันนี้อาจนำทุกข์มาในวันหน้า ส่วนความเพียรพยายามในทางที่ถูกแม้จะยากลำบาก ก็จะนำความสุขแท้จริงมาให้ในภายหลัง
บุคคลเช่นนี้ย่อมเปลื้องตนจากทุกข์ได้ฉับพลัน เพราะเขาไม่พาตนเข้าไปยึดติดในเหตุแห่งทุกข์ เมื่อเห็นความจริงตามเหตุและผล ก็จะวางใจได้อย่างเป็นกลาง ไม่หลงไหลไปกับสุขจอมปลอม และไม่จมอยู่กับทุกข์อย่างโง่งม การรู้ทันความจริงคือก้าวแรกของการหลุดพ้น และการวางใจให้เป็นคือก้าวสำคัญที่จะพาชีวิตสงบเย็น
ต่างจากผู้ไร้ปัญญา ที่หลงยึดสิ่งที่ไม่ควรยึด คิดว่าเหตุแห่งสุขอยู่ที่การได้ลาภ ยศ หรือคำชม แต่กลับไม่รู้ว่าความยึดติดนั้นคือรากเหง้าของทุกข์ ผู้ไร้ปัญญาย่อมพาตนตกอยู่ในวังวนแห่งทุกข์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะไม่อาจแยกแยะเหตุและผลได้ชัดเจน
ด้วยเหตุนี้ การฝึกฝนตนให้มี ปัญญาเฉียบแหลม คือสิ่งที่ทุกคนควรแสวงหา มิใช่เพียงเพื่อความฉลาดทางโลกเท่านั้น แต่เพื่อความเข้าใจในชีวิตอย่างลึกซึ้ง และสามารถวางใจให้สงบในทุกสถานการณ์ ปัญญาไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นผลจากการฝึกฝน การฟัง การคิด และการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ
ท้ายที่สุด ผู้มีปัญญาย่อมเป็นผู้เห็นทางออกในท่ามกลางความมืด เขาไม่กลัวต่อความเปลี่ยนแปลง ไม่หวั่นไหวต่ออารมณ์ และไม่ตกเป็นทาสของกิเลสทั้งหลาย ชีวิตของเขาจึงเปี่ยมด้วยความสงบและมั่นคง เป็นแบบอย่างแก่ผู้อื่น และเป็นผู้ที่เปลื้องตนจากทุกข์ได้ด้วยตนเอง.