ผู้ตั้งใจประพฤติตนเป็นคนโสด เขารู้กันว่าเป็นบัณฑิต ส่วนคนโง่ฝักใฝ่ในเมถุน ย่อมเศร้าหมอง

ปณฺฑิโตติ สมญฺญาโต เอกจริยํ อธิฏฺฐิโต

ปณฺฑิโตติ สมญฺญาโต     เอกจริยํ อธิฏฺฐิโต
อถาปิ เมถุเน ยุตฺโต     มนฺโทว ปริกิสฺสติ.

[คำอ่าน]

ปัน-ทิ-โต-ติ, สะ-มัน-ยา-โต     เอ-กะ-จะ-ริ-ยัง, อะ-ทิด-ถิ-โต
อะ-ถา-ปิ, เม-ถุ-เน, ยุด-โต     มัน-โท-วะ, ปะ-ริ-กิด-สะ-ติ

[คำแปล]

“ผู้ตั้งใจประพฤติตนเป็นคนโสด เขารู้กันว่าเป็นบัณฑิต ส่วนคนโง่ฝักใฝ่ในเมถุน ย่อมเศร้าหมอง.”

(พุทฺธ) ขุ.สุ. 25/494, ขุ.มหา. 29/186.

ผู้ตั้งใจประพฤติตนเป็นคนโสด คือบุคคลที่มีสติรู้เท่าทันในตัณหาและความใคร่ เขาเลือกที่จะดำเนินชีวิตโดยไม่ยึดติดอยู่กับความสัมพันธ์ในแบบผู้ครองเรือน ไม่ใช่เพราะการปฏิเสธความรัก แต่เพราะเห็นชัดว่าความใคร่นั้นเป็นเหตุให้จิตใจเศร้าหมอง และเป็นอุปสรรคต่อการฝึกฝนตนเพื่อความสงบเย็นอย่างแท้จริง

การครองตนเป็นโสดด้วยเจตนาอันมั่นคง ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องอาศัยความอดทนและปัญญาอันลึกซึ้ง ผู้ที่ทำได้เช่นนี้จึงได้รับการยกย่องว่าเป็น “บัณฑิต” คือผู้มีปัญญาและคุณธรรม เขาไม่ปล่อยให้ความกำหนัดครอบงำจิตใจ และไม่ปล่อยตนให้ลุ่มหลงอยู่ในเล่ห์เหลี่ยมแห่งราคะ จึงสามารถรักษาความสงบในใจไว้ได้อย่างมั่นคง

ความโสดในทางธรรม ไม่ได้หมายเอาเพียงสถานะทางสังคม แต่เป็นการปฏิบัติเพื่อขัดเกลาตนเองให้หลุดพ้นจากพันธนาการของกิเลส เป็นการฝึกให้ใจตั้งมั่น ไม่วอกแวกไปตามแรงปรารถนา หากบุคคลใดยึดมั่นในความโสดด้วยสติและปัญญา เขาย่อมเป็นผู้มีจิตใจเข้มแข็ง และอยู่เหนือสิ่งล่อลวงทั้งปวง

ในทางตรงกันข้าม คนโง่ที่ฝักใฝ่ในเมถุนธรรม อย่างไม่รู้ประมาณ ย่อมเป็นผู้ที่ปล่อยใจให้ลุ่มหลงมัวเมาในราคะ เขาแสวงหาความสุขจากสิ่งที่ไม่จีรัง และยิ่งเสพก็ยิ่งกระหายไม่รู้จบ ผลคือจิตใจยิ่งเร่าร้อน วุ่นวาย และเศร้าหมองอยู่ตลอดเวลา

คนที่หลงมัวเมาในเมถุน ย่อมมีชีวิตที่ผันผวน ถูกครอบงำด้วยความอยาก และขาดเสถียรภาพในจิตใจ เขาอาจมีความสุขชั่วคราวจากสิ่งเหล่านั้น แต่เมื่อความสุขนั้นจบลง ความว่างเปล่าและความยึดติดก็จะตามมา เขาจะต้องเวียนว่ายอยู่ในวงจรของความโหยหา ไม่รู้จบสิ้น

ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่ประสงค์จะพัฒนาตนในทางธรรม จึงพึงเห็นคุณค่าแห่งความโสด และฝึกฝนใจให้มั่นคง ไม่หวั่นไหวตามเสียงเรียกร้องของกิเลส เพราะความสงบเย็นและความหลุดพ้น ย่อมเกิดขึ้นจากจิตที่ปราศจากราคะและความกำหนัดทั้งปวง

ผู้ตั้งใจประพฤติตนเป็นคนโสดด้วยปัญญา คือผู้ที่เดินบนเส้นทางแห่งความรู้แจ้งและการละกิเลส เขาย่อมได้รับความเคารพจากบัณฑิตทั้งหลาย และเป็นแบบอย่างแห่งความมั่นคงในธรรม ส่วนผู้ที่ลุ่มหลงในเมถุนโดยไม่มีสติ ย่อมเดินไปในทางที่เศร้าหมอง และห่างไกลจากความสงบแห่งจิตใจอย่างแท้จริง.