ผู้ใดเลี้ยงมารดาบิดาโดยธรรม บัณฑิตย่อมสรรเสริญผู้นั้นในโลกนี้เขาละไปแล้ว ย่อมบันเทิงในสวรรค์

โย มาตรํ ปิตรํ วา มจฺโจ ธมฺเมน โปสติ อิเธว นํ ปสํสนฺติ เปจฺจ สคฺเค ปโมทติ

โย มาตรํ ปิตรํ วา     มจฺโจ ธมฺเมน โปสติ
อิเธว นํ ปสํสนฺติ     เปจฺจ สคฺเค ปโมทติ.

[คำอ่าน]

โย, มา-ตะ-รัง, ปิ-ตะ-รัง, วา     มัด-โจ, ทำ-เม-นะ, โป-สะ-ติ
อิ-เท-วะ, นัง, ปะ-สัง-สัน-ติ     เปด-จะ, สัก-เค, ปะ-โม-ทะ-ติ

[คำแปล]

ผู้ใดเลี้ยงมารดาบิดาโดยธรรม บัณฑิตย่อมสรรเสริญผู้นั้นในโลกนี้เขาละไปแล้ว ย่อมบันเทิงในสวรรค์.

(สุวณฺณสามโพธิสตฺต) ขุ.ชา.มหา. 28/196.

มารดาบิดาผู้ให้กำเนิดถือเป็นบุคคลที่มีพระคุณสูงสุดในชีวิตของบุตร เพราะท่านทั้งสองเป็นผู้ให้ชีวิต ให้การเลี้ยงดู และเสียสละความสุขส่วนตนเพื่อความสุขของบุตรตั้งแต่แรกเกิดจนเติบใหญ่ พระคุณของมารดาบิดาจึงเป็นพระคุณที่หาสิ่งใดในโลกเปรียบได้ยากนัก

ในพระพุทธศาสนา ท่านเปรียบมารดาบิดาเสมือนพรหมของบุตร เนื่องจากท่านเปี่ยมไปด้วยความรัก ความเมตตา และความหวังดีต่อบุตรโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ความรักที่มารดาบิดามีต่อบุตรนี้สะอาด บริสุทธิ์ และมั่นคงกว่าความรักใดในโลก

คุณธรรมที่มารดาบิดามีต่อบุตรนั้นสอดคล้องกับพรหมวิหาร 4 ได้แก่ เมตตา คือความปรารถนาให้บุตรมีความสุข, กรุณา คือความปรารถนาให้บุตรพ้นจากความทุกข์, มุทิตา คือความยินดีเมื่อเห็นบุตรเจริญก้าวหน้า และอุเบกขา คือความวางใจเป็นกลางเมื่อบุตรเติบโตและสามารถดูแลตัวเองได้แล้วจึงไม่มีอะไรต้องห่วงอีก

นอกจากนี้ มารดาบิดายังเปรียบเสมือนบุรพาจารย์ คืออาจารย์คนแรกในชีวิตของบุตร ท่านเป็นผู้สอนให้บุตรหัดคลาน หัดนั่ง หัดยืน หัดเดิน และหัดพูด ก่อนที่จะได้พบเจอครูบาอาจารย์ในโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาใด ๆ

การสั่งสอนของมารดาบิดาแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยในสายตาของบางคน แต่แท้จริงแล้วเป็นรากฐานสำคัญของชีวิตที่ช่วยให้บุตรสามารถพึ่งพาตนเองและดำเนินชีวิตในสังคมได้อย่างมั่นคง

อีกทั้ง มารดาบิดายังเปรียบได้กับพระอรหันต์ของบุตร เพราะหัวใจของท่านบริสุทธิ์ผ่องใส มีแต่ความหวังดีโดยแท้จริง การที่บุตรแสดงความเคารพบูชาและเลี้ยงดูมารดาบิดาจึงนับว่ามีอานิสงส์ยิ่งใหญ่ดุจการบูชาพระอรหันต์

บุตรที่ตระหนักถึงพระคุณของมารดาบิดา ย่อมแสดงออกด้วยการกตัญญูกตเวที ดูแลท่านด้วยความรักและเอาใจใส่ ไม่ทอดทิ้งยามท่านแก่ชรา หรือเจ็บไข้ได้ป่วย การกระทำเช่นนี้ถือเป็นคุณธรรมที่ประเสริฐอย่างยิ่ง

บุตรผู้กตัญญูจะเป็นที่รักของวิญญูชนคนดีทั้งหลาย เพราะการกตัญญูกตเวทีเป็นคุณธรรมที่สะท้อนถึงจิตใจที่งดงาม อ่อนโยน และเป็นรากฐานของความดีอื่น ๆ ทั้งหลาย

ผู้ที่เลี้ยงดูมารดาบิดาโดยธรรม เมื่อยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ย่อมได้รับการยกย่องสรรเสริญจากผู้คนทั้งปวง จะไปที่ดีย่อมมีแต่คนรักใคร่และยินดีให้การช่วยเหลือ ดังนั้น เขาจึงประสบความสุขความเจริญและความสำเร็จในหน้าที่การงานทั้งหลาย

เมื่อบุตรผู้กตัญญูถึงคราวสิ้นชีวิต ก็ยังได้รับผลบุญจากการกตัญญูกตเวทีนั้น ส่งผลให้ได้ไปบังเกิดในสุคติภูมิหรือสวรรค์ เพราะอานิสงส์ของความกตัญญูต่อมารดาบิดา เป็นคุณธรรมที่มีอานิสงส์แรงกล้ายิ่ง

ในทางตรงกันข้าม บุตรที่ไม่รู้คุณ จะไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม ผู้คนรังเกียจ และไม่มีใครอยากช่วยเหลือ เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาย่อมไม่ประสบความสุขความเจริญและความสำเร็จในชีวิต

ดังนั้น บุตรทุกคนควรตระหนักเสมอว่า การเคารพรักและเลี้ยงดูมารดาบิดา ไม่เพียงแต่เป็นหน้าที่ของลูกที่ดีเท่านั้น หากแต่ยังเป็นหนทางแห่งการบำเพ็ญบุญที่มีอานิสงส์ยิ่งใหญ่ เป็นการบำเพ็ญบารมีที่มีอานิสงส์มหาศาล และเป็นมงคลสูงสุดในชีวิตที่ไม่มีสิ่งใดจะมาเทียบได้.