เราค้นหาทุกทิศแล้ว ก็ไม่พบผู้อื่นซึ่งเป็นที่รักยิ่งกว่าตนในที่ไหน ๆ ถึงผู้อื่นก็มีตนเป็นที่รักมากอย่างนี้ เพราะฉะนั้น ผู้รักตนจึงไม่ควรเบียดเบียนผู้อื่น

สพฺพา ทิสา อนุปริคมฺม เจตสา เนวชฺฌคา ปิยตรมตฺตนา กฺวจิ

สพฺพา ทิสา อนุปริคมฺม เจตสา
เนวชฺฌคา ปิยตรมตฺตนา กฺวจิ
เอวํ ปิโย ปุถุ อตฺตา ปเรสํ
ตสฺมา น หึเส ปรํ อตฺตกาโม.

[คำอ่าน]

สับ-พา, ทิ-สา, อะ-นุ-ปะ-ริ-คำ-มะ, เจ-ตะ-สา
เน-วัด-ชะ-คา, ปิ-ยะ-ตะ-ระ-มัด-ตะ-นา, กะ-วะ-จิ
เอ-วัง, ปิ-โย, ปุ-ถุ, อัด-ตา, ปะ-เร-สัง
ตัด-สะ-หมา, นะ, หิง-เส, ปะ-รัง, อัด-ตะ-กา-โม

[คำแปล]

“เราค้นหาทุกทิศแล้ว ก็ไม่พบผู้อื่นซึ่งเป็นที่รักยิ่งกว่าตนในที่ไหน ๆ ถึงผู้อื่นก็มีตนเป็นที่รักมากอย่างนี้ เพราะฉะนั้น ผู้รักตนจึงไม่ควรเบียดเบียนผู้อื่น.”

(พุทฺธ) สํ.ส. 15/109.

ในโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ ย่อมมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือความรักตนเอง ทุกชีวิตย่อมทะนุถนอมตนเอง อยากมีชีวิตอยู่ อยากดำรงอยู่ต่อไปอย่างปลอดภัย ไม่อยากให้ใครมาทำร้ายหรือทำให้เดือดร้อน

เมื่อพิจารณาให้ดี เราเองก็รักตนเองอย่างที่สุด เช่นเดียวกับที่ผู้อื่นก็รักตนเองอย่างที่สุดเช่นกัน ไม่มีใครอยากให้ใครมาทำให้เจ็บปวด ทุกคนย่อมอยากอยู่ด้วยความสุขกายสบายใจทั้งสิ้น

ดังนั้น ความสุขจึงเป็นสิ่งที่ทุกชีวิตแสวงหา และความทุกข์ก็เป็นสิ่งที่ทุกชีวิตพยายามหลีกหนี เมื่อเราหิว เราก็หาของกินเพื่อดับความทุกข์จากความหิว เมื่อเราหนาว เราก็หาที่กำบังเพื่อบรรเทาความทุกข์จากความหนาว สัตว์ทั้งหลายก็เป็นเช่นเดียวกัน

เมื่อเรารู้ว่าทุกชีวิตต่างก็รักตนเองและไม่อยากทุกข์ การไปเบียดเบียนผู้อื่นจึงเป็นการกระทำที่เราควรหลีกเว้นอย่างเด็ดขาด เพราะการเบียดเบียนคือการสร้างทุกข์ให้แก่ผู้อื่น เป็นสิ่งที่เราเองก็ไม่อยากได้รับเช่นกัน

ในพระพุทธศาสนาได้สอนหลัก อหิงสา คือการไม่เบียดเบียน หมายถึงการไม่ทำร้าย ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ทั้งทางกาย วาจา และใจ เพราะการเบียดเบียนผู้อื่นไม่เพียงทำให้เขาทุกข์ แต่ยังย้อนกลับมาทำให้ใจของเราเองเศร้าหมอด้วย

ถ้าเราอยากให้คนอื่นเคารพและเมตตาเรา เราก็ควรเริ่มต้นด้วยการไม่เบียดเบียนเขาเช่นกัน เมื่อเรามีเมตตาและกรุณาต่อผู้อื่น ย่อมทำให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ลดความขัดแย้งและความเดือดร้อนลงได้มาก

การไม่เบียดเบียนมิได้หมายถึงเพียงการไม่ฆ่าหรือไม่ทำร้ายร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการไม่พูดคำหยาบ ไม่ด่าว่า ไม่ใส่ร้าย ไม่ทำให้ผู้อื่นเสียใจ และไม่คิดร้ายในใจต่อเขา การฝึกใจให้คิดแต่สิ่งดี ๆ ย่อมเป็นการป้องกันการเบียดเบียนได้ตั้งแต่ต้น

ในชีวิตประจำวัน หากเราตั้งใจว่าจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ไม่ทำให้ใครเสียใจ ก็จะทำให้ความสัมพันธ์กับผู้อื่นดีขึ้น เกิดความรัก ความสามัคคี และความเข้าใจกันมากขึ้น ชีวิตก็จะราบรื่นขึ้นตามไปด้วย

ดังนั้น ผู้ที่เข้าใจหลักการนี้จึงเป็นผู้มีเมตตา มองผู้อื่นและสัตว์ทั้งหลายเสมือนตัวเอง เมื่อไม่อยากทุกข์ ก็ไม่ทำให้ใครทุกข์ เมื่ออยากได้สุข ก็แบ่งปันความสุขให้ผู้อื่น นี่คือหนทางของผู้มีปัญญาและผู้มีธรรมในใจ

สรุปได้ว่า เพราะทุกชีวิตต่างก็รักตนเอง ปรารถนาความสุข และหนีห่างจากความทุกข์ เราทั้งหลายจึงไม่ควรเบียดเบียนผู้อื่นให้ได้รับความเดือดร้อน การดำเนินชีวิตด้วยเมตตาและอหิงสาเท่านั้น ที่จะทำให้สังคมอยู่เย็นเป็นสุข และทำให้ใจของเราเองผ่องใสอย่างแท้จริง.