ผู้ติดใจในการบริโภคกาม ยินดีหมกมุ่นในกามทั้งหลาย ย่อมไม่รู้สึกซึ่งความถลำตัว เหมือนปลาถลันเข้าลอบที่เขาดักไว้ ไม่รู้สึกตัว ฉะนั้น
สารตฺตา กามโภเคสุ คิทฺธา กาเมสุ มุจฺฉิตา
อติสารํ น พุชฺฌนฺติ มจฺฉา ขิปฺปํว โอฑฺฑิตํ.
[คำอ่าน]
สา-รัด-ตา, กา-มะ-โพ-เค-สุ คิด-ทา, กา-เม-สุ, มุด-ฉิ-ตา
อะ-ติ-สา-รัง, นะ, พุด-ชัน-ติ มัด-ฉา, ขิบ-ปัง-วะ, โอด-ทิ-ตัง
[คำแปล]
“ผู้ติดใจในการบริโภคกาม ยินดีหมกมุ่นในกามทั้งหลาย ย่อมไม่รู้สึกซึ่งความถลำตัว เหมือนปลาถลันเข้าลอบที่เขาดักไว้ ไม่รู้สึกตัว ฉะนั้น.”
(พุทฺธ) สํ.ส. 15/108.
กาม หมายถึง สิ่งที่เป็นที่ตั้งแห่งความใคร่ ความเพลิดเพลิน ความติดใจ ไม่ว่าจะเป็นรูป เสียง กลิ่น รส หรือสัมผัสอันน่าพอใจทั้งหลาย สิ่งเหล่านี้เป็นที่มาของความยินดีของปุถุชน แต่ก็เป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์เช่นกัน
ผู้ที่ติดใจในการบริโภคกาม ย่อมยินดีหมกมุ่นอยู่กับการเสพสุขจากกามารมณ์ เช่น การมองสิ่งที่น่าพอใจ การฟังเสียงที่ไพเราะ การลิ้มรสที่ถูกใจ หรือการสัมผัสที่นุ่มนวล แม้จะมีความสุขชั่วขณะหนึ่ง แต่ก็เป็นสิ่งที่ชักนำให้จิตใจถลำลึกลงไปเรื่อย ๆ
ความยินดีในกามเหมือนการเติมน้ำลงในทะเล ไม่มีวันเต็ม เพราะความอยากย่อมเกิดขึ้นไม่รู้จบ สิ่งที่ได้มาแล้วก็ดับไป ความพอใจเก่า ๆ ก็หายไป ต้องหาสิ่งใหม่มาแทนอยู่เรื่อย ๆ จนใจไม่เคยรู้จักความพอ
ผู้ที่หมกมุ่นในกามจึงเหมือนคนเดินในทางมืด ไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังทำจะนำไปสู่ภัยพิบัติ เหมือนปลาที่ถลันเข้าไปในลอบดักปลา มันคิดว่าจะได้อาหาร แต่แท้จริงกลับกำลังถลำเข้าสู่ความตายโดยไม่รู้ตัว
อุปมาเช่นนี้ชี้ให้เห็นว่า ความสุขในกามเป็นเพียงเครื่องล่อที่ทำให้จิตใจประมาท ผู้ที่ไม่รู้เท่าทันย่อมหลงเพลินไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งตกอยู่ในสภาพถูกกิเลสพันธนาการ โดยไม่รู้สึกตัวว่าตนเองกำลังถลำลึก
ความหมกมุ่นในกามยังทำให้ผู้คนละเลยสิ่งที่เป็นประโยชน์แท้จริงต่อชีวิต เช่น การแสวงหาปัญญา การเจริญธรรม และการปฏิบัติที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เมื่อจิตใจหมกมุ่นอยู่กับกาม ย่อมไม่มีสมาธิ ไม่มีปัญญา และไม่เห็นทางพ้นทุกข์
ในทางกลับกัน ผู้ที่มีสติระลึกรู้และพิจารณาเห็นโทษของกาม ย่อมรู้ว่าความสุขเช่นนั้นเป็นเพียงของชั่วคราว และมักตามมาด้วยความทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นความผิดหวัง ความพลัดพราก หรือความดิ้นรนแสวงหาไม่รู้จบ
การฝึกใจให้ลดละความหมกมุ่นในกาม จึงเป็นการฝึกตนให้รู้จักความพอ รู้จักใช้สิ่งที่มีอยู่พอดีแก่ความจำเป็น โดยไม่ตกเป็นทาสของความอยากอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อใจพอ ใจก็สงบ และไม่ถลำลึกไปในกับดักแห่งกิเลส
พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า ความสุขที่แท้จริงไม่ใช่การเสพกาม แต่คือความสงบจากกิเลส ความเป็นอิสระจากกาม เพราะความสุขเช่นนั้นไม่ถูกกัดกร่อน ไม่หมดสิ้น และไม่แปรเปลี่ยนเหมือนสุขจากกามารมณ์
ดังนั้น ผู้ที่ติดใจในการบริโภคกาม หมกมุ่นยินดีในกามทั้งหลาย จึงไม่รู้สึกตัวว่ากำลังถลำไปสู่ความทุกข์ เหมือนปลาถลันเข้าลอบที่เขาดักไว้ ผู้มีปัญญาจึงควรรู้เท่าทัน ปล่อยวาง และหันมาสร้างสุขที่แท้จริงด้วยการปฏิบัติธรรม.