ในหมู่มนุษย์ คนที่ถึงฝั่ง (นิพพาน) มีน้อย ส่วนประชากรนอกนี้วิ่งอยู่ตามชายฝั่ง
อปฺปกา เต มนุสฺเสสุ เย ชนา ปารคามิโน
อถายํ อิตรา ปชา ตีรเมวานุธาวติ.
[คำอ่าน]
อับ-ปะ-กา, เต, มะ-นุด-เส-สุ เย, ชะ-นา, ปา-ระ-คา-มิ-โน
อะ-ถา-ยัง, อิ-ตะ-รา, ปะ-ชา ตี-ระ-เม-วา-นุ-ทา-วะ-ติ
[คำแปล]
“ในหมู่มนุษย์ คนที่ถึงฝั่ง (นิพพาน) มีน้อย ส่วนประชากรนอกนี้วิ่งอยู่ตามชายฝั่ง.”
(พุทฺธ) ขุ.ธ. 25/26.
การ “ถึงฝั่ง” หมายถึงการบรรลุนิพพาน ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของการปฏิบัติธรรมในพุทธศาสนา นิพพานเป็นภาวะที่หลุดพ้นจากกิเลส ตัณหา และความทุกข์ทั้งปวง เป็นการดับสิ้นซึ่งวงจรแห่งการเกิด แก่ เจ็บ และตาย ตามหลัก อริยสัจ 4 ซึ่งประกอบด้วย ทุกข์ (ความจริงคือความทุกข์), สมุทัย (สาเหตุของทุกข์), นิโรธ (การดับทุกข์), และ มรรค (หนทางดับทุกข์)
ในทางกลับกัน การ “วิ่งอยู่ตามชายฝั่ง” แสดงถึงสภาวะของผู้คนส่วนใหญ่ในโลกนี้ที่ยังคงถูกกิเลสและความปรารถนาชักนำ ทำให้พวกเขาวนเวียนอยู่ในความสุขชั่วคราวที่เกิดจากวัตถุ สิ่งของ และความสำเร็จทางโลก ทำให้ไม่สามารถหลุดพ้นจากวัฏสงสารได้
ผู้ที่จะสามารถเดินทางข้ามพ้นไปสู่ฝั่งนิพพานได้ จำเป็นต้องมีปัญญาและความเพียรพยายามที่มั่นคง ไม่ย่อท้อ สิ่งนี้เรียกว่า อริยมรรคมีองค์ 8 ซึ่งเป็นหนทางสายกลางที่นำไปสู่การดับทุกข์ ประกอบด้วยความถูกต้องทั้งด้านความเห็น ความตั้งใจ การพูด การกระทำ การเลี้ยงชีพ ความพยายาม สติ และสมาธิ
ในทางตรงกันข้าม ผู้คนที่ยังคง “วิ่งอยู่ตามชายฝั่ง” มักจะพึงพอใจกับความสุขชั่วคราว ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง เงินทอง หรือความสำเร็จทางวัตถุ ทั้ง ๆ ที่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นจากทุกข์อย่างแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น ความต้องการที่ไม่มีที่สิ้นสุดยังคงนำไปสู่ความทุกข์ที่ไม่รู้จบ เช่น ความกลัวการสูญเสีย ความผิดหวัง และความโศกเศร้า
ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า การบรรลุนิพพานไม่ได้หมายถึงการละทิ้งโลกหรือการหลีกหนีจากชีวิตประจำวัน แต่หมายถึงการพัฒนาจิตใจให้มีความรู้แจ้งในธรรมชาติของชีวิตและโลกนี้อย่างแท้จริง
ผู้ที่จะสามารถเข้าถึงนิพพานหลุดพ้นจากวัฏสงสารได้ ต้องปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดตามแนวทางของพระพุทธศาสนา โดยการฝึกฝน ศีล (ความประพฤติที่ดีงาม), สมาธิ (การฝึกจิตให้มั่นคง), และ ปัญญา (การเห็นแจ้งในธรรมชาติของสิ่งต่าง ๆ) เมื่อปฏิบัติในลักษณะนี้แล้ว ย่อมสามารถเห็นแจ้งในความจริงแห่งชีวิตและหลุดพ้นจากความทุกข์ในวัฏสงสารได้.