ผู้ที่ (มารดา) บิดาเลี้ยงมาโดยยากอย่างนี้ ไม่บำรุง (มารดา) บิดา ประพฤติผิดใน (มารดา) บิดา ย่อมเข้าถึงนรก
เอวํ กิจฺฉาภโต โปโส ปิตุ อปริจารโก
ปิตริ มิจฺฉา จริตฺวาน นิรยํ โส อุปปชฺชติ.
[คำอ่าน]
เอ-วัง, กิด-ฉา-พะ-โต, โป-โส ปิ-ตุ, อะ-ปะ-ริ-จา-ระ-โก
ปิ-ตะ-ริ, มิด-ฉา, จะ-ริด-ตะ-วา-นะ นิ-ระ-ยัง, โส, อุ-ปะ-ปัด-ชะ-ติ
[คำแปล]
“ผู้ที่ (มารดา) บิดาเลี้ยงมาโดยยากอย่างนี้ ไม่บำรุง (มารดา) บิดา ประพฤติผิดใน (มารดา) บิดา ย่อมเข้าถึงนรก.”
(โสณโพธิสตฺต) ขุ.ชา.สตฺตติ. 28/66.
มารดาบิดาเลี้ยงดูลูกมาด้วยความยากลำบาก ท่านต้องอดหลับอดนอน คอยป้อนข้าวป้อนน้ำ พาไปรักษาเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย คอยอบรมสั่งสอนให้ลูกเติบโตเป็นคนดี มารดาบิดาไม่ใช่เพียงแต่ให้กำเนิดบุตรเท่านั้น แต่ท่านยังเสียสละความสุขส่วนตนเพื่อดูแลลูกด้วยความรัก ความเอาใจใส่ และความหวังดีในทุกย่างก้าวของชีวิต ท่านช่วยเหลือลูกในทุกเรื่องแม้เหนื่อยยากเพียงใดก็ตาม
เมื่อมารดาบิดามีพระคุณมากมายถึงเพียงนี้ ผู้เป็นลูกจึงควรมีความกตัญญูกตเวทีต่อท่าน ไม่ลืมคุณและตอบแทนบุญคุณของท่านให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการดูแลท่านเมื่อแก่เฒ่า พูดจาไพเราะกับท่าน หมั่นเอาใจใส่ความเป็นอยู่ของท่าน และทำตนให้เป็นคนดีเป็นที่ภูมิใจของพ่อแม่ การตอบแทนบุญคุณเช่นนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ลูกควรกระทำด้วยความเต็มใจและสำนึกในพระคุณอันยิ่งใหญ่ของผู้เป็นมารดาบิดา ไม่ใช่เพราะเป็นหน้าที่ แต่เป็นปกติวิสัยที่วิญญูชนพึงกระทำ
ในทางตรงกันข้าม ลูกที่ไม่เลี้ยงดูพ่อแม่ ไม่ใส่ใจในความเป็นอยู่ของท่าน ปล่อยให้ท่านลำบาก หรือทอดทิ้งเมื่อแก่เฒ่า ย่อมถือว่าเป็นลูกอกตัญญู ไม่รู้คุณของมารดาบิดา ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่น่าเศร้าและน่าละอายยิ่งนัก
บุคคลที่เป็นลูกอกตัญญู ไม่ตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่ยังไม่พอ บางคนอาจทำร้ายจิตใจหรือร่างกายของท่าน เช่น ด่าว่า ทุบตี หรือทำให้ท่านเสียใจ เจ็บช้ำน้ำใจ การกระทำเช่นนี้ย่อมนำมาซึ่งความเสื่อมในชีวิต เมื่อยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เขาจะถูกผู้คนดูถูกเหยียดหยาม ตราหน้าว่าเป็นลูกอกตัญญู หรือถ้าเขากระทำผิดในพ่อแม่ในทางที่ผิดกฎหมายบ้านเมือง ก็ย่อมต้องรับโทษทัณฑ์ตามตัวบทกฎหมาย ส่วนในโลกหน้า เมื่อละโลกไปแล้ว ย่อมต้องไปสู่ทุคติอบายภูมิ เพราะผลกรรมที่กระทำไว้กับพ่อแม่นั้นยิ่งใหญ่นัก
ดังนั้น พุทธศาสนาจึงสอนให้เราทุกคนมีความกตัญญูกตเวทีต่อมารดาบิดา ตระหนักถึงพระคุณของพ่อแม่ และหมั่นตอบแทนด้วยการดูแลท่านทั้งทางกาย วาจา และใจ เพื่อความสุขของพ่อแม่ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเรามาจนเติบใหญ่ อีกทั้งเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของตนอันเป็นอานิสงส์ที่เกิดจากความกตัญญูกตเวที และเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่อนุชนคนรุ่งหลังสืบไป.