ผู้มีปัญญาเหล่าใด ประกอบด้วยศีล ยินดีในความสงบด้วยปัญญา ผู้มีปัญญาเหล่านั้น เว้นไกลจากความชั่วแล้ว ไม่ต้องเชื่อผู้อื่น
เย จ สีเลน สมฺปนฺนา ปญฺญายูปสเม รตา
อารกา วิรตา ธีรา น โหนฺติ ปรปตฺติยา.
[คำอ่าน]
เย, จะ, สี-เล-นะ, สำ-ปัน-นา ปัน-ยา-ยู-ปะ-สะ-เม, ระ-ตา
อา-ระ-กา, วิ-ระ-ตา, ที-รา นะ, โหน-ติ, ปะ-ระ-ปัด-ติ-ยา
[คำแปล]
“ผู้มีปัญญาเหล่าใด ประกอบด้วยศีล ยินดีในความสงบด้วยปัญญา ผู้มีปัญญาเหล่านั้น เว้นไกลจากความชั่วแล้ว ไม่ต้องเชื่อผู้อื่น.”
(โพธิสตฺต) ขุ.ชา.จตุกฺก. 27/143.
บุคคลผู้มีปัญญาเป็นผู้ที่เข้าใจสัจธรรมของโลกอย่างลึกซึ้ง เขารับรู้ว่าทุกสิ่งในโลกนี้เป็นไปตามกฎแห่งธรรมชาติ ไม่มีสิ่งใดที่คงอยู่ถาวร ทุกสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป การเข้าใจในสัจธรรมนี้ทำให้เขามองเห็นถึงความไม่เที่ยงของสรรพสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความทุกข์ หรือสิ่งที่เราครอบครอง บุคคลเช่นนี้ไม่หลงติดในสิ่งเหล่านั้น เพราะรู้ว่าทุกสิ่งเป็นเพียงสิ่งชั่วคราวที่เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย
เมื่อบุคคลมีปัญญาเข้าใจสัจธรรมของโลก เขาย่อมประพฤติตนตามหลักธรรมคำสอนอย่างถูกต้อง มีจิตใจที่สงบเย็น ไม่หวั่นไหวไปตามโลกภายนอก ไม่ถูกชักนำด้วยอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เขาจะใช้ชีวิตอยู่ในกรอบของศีลธรรม มีการกระทำที่ถูกต้อง มีเจตนาที่ดีงาม ไม่ทำร้ายตนเองและผู้อื่น และเขารู้ว่า การมีศีลธรรมคือเส้นทางที่นำพาไปสู่ความสุขที่แท้จริง
นอกจากการประพฤติดี บุคคลผู้มีปัญญายังเข้าใจถึงความสำคัญของความสงบ เขายินดีในความสงบสุขของการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ไม่พัวพันกับความวุ่นวายของสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน การแก่งแย่ง หรือการแสวงหาความสำเร็จทางวัตถุ เขารู้ว่า การแสวงหาความสำเร็จเหล่านั้นมักมาพร้อมกับความทุกข์ใจและความวุ่นวายไม่รู้จบ บุคคลผู้มีปัญญาจึงเลือกที่จะอยู่ห่างไกลจากสิ่งที่ทำให้ใจไม่สงบ
การดำรงชีวิตอยู่ในความสงบเป็นทางเลือกที่สร้างความสุขอันแท้จริงให้แก่บุคคลผู้มีปัญญา เขามองเห็นว่าการที่จิตใจสงบนิ่งเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่าเงินทองหรือสิ่งของภายนอก ความสงบทางใจนี้ไม่ได้หมายถึงการหนีจากโลกหรือการปฏิเสธความจริง แต่เป็นการยอมรับความจริงตามที่มันเป็น และเลือกที่จะไม่ปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นมาควบคุมจิตใจของเขา
บุคคลที่มีความสุขจากภายในและเข้าใจสัจธรรมจะหลีกเลี่ยงการทำสิ่งที่ชั่วร้าย เขารู้ว่าความชั่วทั้งปวงเป็นบ่อเกิดของความทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายผู้อื่น การพูดเท็จ หรือการยึดติดในกิเลสต่างๆ การเว้นไกลจากความชั่วเหล่านี้ไม่ใช่เพราะกลัวผลกรรมเท่านั้น แต่เป็นเพราะเขาตระหนักว่าความชั่วเหล่านั้นสร้างความเสียหายให้แก่ตนเองและผู้อื่น
ชีวิตของบุคคลผู้มีปัญญาดังกล่าว จะเป็นชีวิตที่สงบ สะอาด บริสุทธิ์ ความชั่วทั้งปวงจะไม่สามารถครอบงำจิตใจของเขาได้.