ความตายย่อมทำคนเก็บดอกไม้ (กามคุณ) มีใจข้องในอารมณ์ต่าง ๆ ไม่อิ่มในกาม ไว้ในอำนาจ
ปุปฺผานิ เหว ปจินนฺตํ พฺยาสตฺตมนสํ นรํ
อติตฺตํเยว กาเมสุ อนฺตโก กุรุเต วสํ.
[คำอ่าน]
ปุบ-ผา-นิ, เห-วะ, ปะ-จิ-นัน-ตัง…..พะ-ยา-สัด-ตะ-มะ-นะ-สัง, นะ-รัง
อะ-ติด-ตัง-เย-วะ, กา-เม-สุ…..อัน-ตะ-โก, กุ-รุ-เต, วะ-สัง
[คำแปล]
“ความตายย่อมทำคนเก็บดอกไม้ (กามคุณ) มีใจข้องในอารมณ์ต่าง ๆ ไม่อิ่มในกาม ไว้ในอำนาจ.”
(พุทฺธ) ขุ.ธ. 25/21.
คนทั้งหลายที่เกิดขึ้นมาในโลกนี้ ล้วนมีจิตติดข้องอยู่ในกามคุณคือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันน่าใคร่น่าพอใจ มีใจหลงใหลในสิ่งเหล่านั้น ปรารถนาสิ่งเหล่านั้นไม่มีวันจบสิ้นและไม่มีวันเบื่อหน่าย เมื่อไม่มีก็แสวงหา เมื่อได้มาแล้วก็กระหยิ่มปริ่มเปรมใจ และก็ยังไม่พอ ยังแสวงหากามคุณใหม่ไปเรื่อย ๆ ไม่รู้จบ
กามคุณอันน่าใคร่นั้นเป็นโลกามิสที่สำคัญที่เป็นตัวการใหญ่ทำให้คนทั้งหลายติดข้องอยู่ในโลกนี้ มองไม่เห็นความจริงของสรรพสิ่งที่เป็นไปตามกฎพระไตรลักษณ์ คือ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไร้ตัวตน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะมองเห็นแต่ด้านดีของกามคุณ ขาดปัญญาพิจารณาที่จะทำให้มองเห็นโทษกองกามคุณเหล่านั้น
คนที่ติดใจในกามคุณก็เปรียบเหมือนคนที่เที่ยวเก็บดอกไม้ในสวน เชยชมดอกนั้นดอกนี้ไปเรื่อย ๆ เก็บดอกนั้นดอกนี้ไปเรื่อย ๆ เห็นดอกนั้นก็สวย ดมดอกนี้ก็หอม หลงเพลิดเพลินอยู่ในสวนดอกไม้เพราะจิตไปหลงยึดติดอยู่กับความสวยงามและความหอมของดอกไม้
คนที่หลงใหลในกามคุณก็เป็นเช่นนั้น คือมีความลุ่มหลงในสิ่งที่ตนปรารถนาและคิดว่าเป็นเหตุให้เกิดความสุขได้ เสียเวลาไปกับสิ่งเหลวไหลไร้สาระแต่หารู้ไม่ว่าตนเองนั้นกำลังเสียเวลาเปล่า
มัจจุคือความตายย่อมทำบุคคลเหล่านั้นไว้ในอำนาจได้ตราบกาลนาน หมายความว่า ตราบใดที่บุคคลยังหลงใหลยึดติดในกามคุณ ไม่มีความอิ่มในกามทั้งหลายอยู่เช่นนั้น ย่อมไม่มีใจยินดีในการบำเพ็ญธรรมเพื่อความพ้นทุกข์ ไม่ยินดีในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เพราะขาดปัญญาอันเป็นเบื้องต้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาย่อมยังต้องวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏ ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกชั่วกาลนาน ต่อเมื่อใดมีปัญญาพิจารณาเห็นโทษของกามแล้วหันมาปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเพื่อกระทำที่สุดแห่งทุกข์ เมื่อนั้นเขาถึงจะเข้าสู่หนทางแห่งความหลุดพ้น และเมื่อบารมีเต็มเปี่ยม ย่อมพ้นจากอำนาจของมัจจุราชคือความตายได้ คือไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป.