นรชนผู้กำหนัดในกาม ยินดีในกาม หมกมุ่นในกาม ทำบาปทั้งหลาย ย่อมเข้าถึงทุคติ

กาเม คิทฺธา กามรตา กาเมสุ อธิมุจฺฉิตา

กาเม คิทฺธา กามรตา     กาเมสุ อธิมุจฺฉิตา
นรา ปาปานิ กตฺวาน     อุปปชฺชนฺติ ทุคฺคตึ.

[คำอ่าน]

กา-เม, คิด-ทา, กา-มะ-ระ-ตา     กา-เม-สุ, อะ-ทิ-มุด-ฉิ-ตา
นะ-รา, ปา-ปา-นิ, กัด-ตะ-วา-นะ     อุ-ปะ-ปัด-ชัน-ติ, ทุก-คะ-ติง

[คำแปล]

“นรชนผู้กำหนัดในกาม ยินดีในกาม หมกมุ่นในกาม ทำบาปทั้งหลาย ย่อมเข้าถึงทุคติ.”

(ปจฺเจกพุทฺธ) ขุ.ชา.สฏฺฐิ. 28/33.

สุภาษิตนี้เป็นคำสอนที่แสดงให้เห็นถึงอันตรายของการปล่อยใจให้หลงติดอยู่ในกามคุณ หรือความสุขทางโลกที่เกี่ยวกับรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อันน่าปรารถถาน่าพอใจ ความกำหนัดคือความเร่าร้อน ความใคร่ปรารถนาอย่างรุนแรงในกาม เมื่อบุคคลยินดีในสิ่งเหล่านี้โดยไม่มีสติ ไม่รู้จักประมาณ ก็จะนำไปสู่ความหมกมุ่น ยึดติด และสุดท้ายอาจถึงขั้นทำบาปกรรมต่าง ๆ นานา

เมื่อใจจมอยู่ในกาม ความคิดย่อมฟุ้งซ่าน หาความสงบได้ยาก ทำให้ขาดปัญญา ไม่สามารถพิจารณาเห็นโทษของกามได้ ยิ่งใฝ่หา ยิ่งไม่รู้จักพอ และเมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ ความโลภ ความโกรธ และความหลงก็จะตามมา บางคนถึงกับยอมผิดศีลผิดธรรม เพื่อให้ได้มาซึ่งกามสุข เช่น การลักทรัพย์ การคดโกง การผิดลูกผิดเมียผู้อื่น ซึ่งล้วนเป็นบาปกรรมที่ส่งผลร้ายทั้งในปัจจุบันและอนาคต

พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า กามทั้งหลายให้ความสุขเพียงชั่วครู่ชั่วยาม แต่มีโทษมาก เปรียบเหมือนเนื้อที่ทาด้วยยาพิษ หรือเหยื่อล่อสัตว์ เมื่อหลงเข้าไปติดกับ ก็หนีไม่พ้นภัย ยิ่งหมกมุ่นในกามมาก ก็ยิ่งสะสมอกุศลกรรมไว้มาก และผลของกรรมเหล่านั้นก็จะชักนำให้จิตเศร้าหมอง เมื่อละโลกไป ก็มีโอกาสไปสู่ทุคติภูมิ เช่น นรก เปรต อสุรกาย หรือสัตว์เดรัจฉาน

คำว่า “ทุคติ” หมายถึง ภูมิที่ไม่น่าปรารถนา เป็นที่อยู่ของผู้มีบาปมาก ได้แก่ นรก เปรต อสุรกาย และสัตว์เดรัจฉาน การเกิดในภูมิเหล่านี้เป็นผลของอกุศลกรรมทั้งสิ้น และหนึ่งในอกุศลกรรมที่ร้ายแรงก็คือ การผิดศีลเพราะความกำหนัดในกาม ดังนั้นพระพุทธองค์จึงทรงเตือนสติเหล่าสาวกให้ให้ระมัดระวัง ไม่ให้ใจหลงใหลไปตามกามคุณ

ทางออกจากความติดในกามก็คือการมีสติ รู้เท่าทันความคิดของตนเอง ฝึกจิตให้อยู่กับปัจจุบัน พิจารณาเห็นโทษของกาม เห็นความไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืนของสุขทางโลก และรู้จักพอประมาณ การรักษาศีล การเจริญสมาธิภาวนา และการมีปัญญาพิจารณาไตรลักษณ์ จะช่วยให้จิตหลุดพ้นจากความกำหนัด ไม่หลงใหลในกาม และสามารถดำเนินชีวิตอย่างมีศีลธรรม ไม่สร้างบาปกรรมใหม่

สรุปคือ บุคคลที่กำหนัดในกามอย่างไร้สติ ย่อมตกเป็นทาสของตัณหา และหากขาดศีลธรรม ก็ย่อมทำกรรมชั่วที่นำไปสู่ความตกต่ำในภายภาคหน้า ดังนั้นผู้ปรารถนาความสุขที่แท้จริง จึงควรหันกลับมาฝึกตนให้ห่างไกลจากกิเลส ไม่ยินดีหมกมุ่นในกาม และดำรงชีวิตบนเส้นทางแห่งธรรม โดยใช้ปัญญา ศีล และสติเป็นเครื่องนำทาง.