รูป เสียง กลิ่น รส ผัสสะ และธรรมารมณ์นั้น ล้วนเป็นโลกามิสอันร้ายกาจ สัตวโลกหมุกมุ่นอยู่ในอารมณ์เหล่านี้
รูปา สทฺทา คนฺธา รสา ผสฺสา ธมฺมา จ เกวลา
เอตํ โลกามิสํ โฆรํ เอตฺถ โลโก วิมุจฺฉิโต.
[คำอ่าน]
รู-ปา, สัด-ทา, คัน-ทา, ระ-สา…..ผัด-สา, ทำ-มา, จะ, เก-วะ-ลา
เอ-ตัง, โล-กา-มิ-สัง, โค-รัง…..เอด-ถะ, โล-โก, วิ-มุด-ฉิ-โต
[คำแปล]
“รูป เสียง กลิ่น รส ผัสสะ และธรรมารมณ์นั้น ล้วนเป็นโลกามิสอันร้ายกาจ สัตวโลกหมุกมุ่นอยู่ในอารมณ์เหล่านี้.”
(พุทฺธ) สํ.ส. 15/166.
รูป เสียง กลิ่น รส ผัสสะ และธรรมารมณ์ เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตเรามีสีสัน ตั้งแต่เราตื่นนอนจนกระทั่งเข้านอน เราต่างสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ในทุก ๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็นสิ่งสวยงาม การได้ยินเสียงที่ไพเราะ การดมกลิ่นหอม การลิ้มรสอาหารที่สุดแสนอร่อย หรือการสัมผัสสิ่งต่าง ๆ ที่ร่างกายรู้สึกได้ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกสุขสบายและพอใจ
แม้สิ่งเหล่านี้จะนำความสุขมาให้ แต่มันก็มีด้านที่เป็นอันตรายเช่นกัน รูป เสียง กลิ่น รส ผัสสะ และธรรมารมณ์นั้น สามารถกลายเป็นกับดักที่ทำให้เราหมกมุ่นอยู่ในความอยากและความปรารถนา ทำให้เราหลงลืมสิ่งที่สำคัญกว่าในชีวิต สิ่งเหล่านี้เป็นโลกามิสที่ร้ายกาจ สามารถทำให้เราหลงใหลจนไม่สามารถหลุดพ้นจากมันได้
การหมกมุ่นอยู่ในอารมณ์เหล่านี้ทำให้เราไม่สามารถเห็นความจริงแท้ของชีวิตได้ ความจริงแท้ที่ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งชั่วคราวและไม่สามารถทำให้เรามีความสุขที่แท้จริงได้ การหมกมุ่นทำให้เราติดอยู่ในวงจรของความอยากและความพอใจ ซึ่งไม่มีวันสิ้นสุด
สัตว์โลกทั้งหลายหลงอยู่ในกับดักของรูป เสียง กลิ่น รส ผัสสะ และธรรมารมณ์นี้ ทำให้ต้องทนทุกข์อยู่ในวัฏจักรของการเกิด แก่ เจ็บ และตาย ความหมกมุ่นในสิ่งเหล่านี้ทำให้เรามองไม่เห็นทางออก ทำให้เราหลงอยู่ในความมืด ไม่สามารถพบแสงสว่างของปัญญาได้
การที่จะหลุดพ้นจากกับดักนี้ได้ เราจำเป็นต้องมีสติและปัญญา รู้เท่าทันในสิ่งที่เรารู้สึกและสัมผัส เราต้องมองเห็นว่าความสุขที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การได้สิ่งที่เราต้องการ แต่เป็นการปล่อยวางและยอมรับความเป็นจริงในชีวิต
เมื่อเราสามารถหลุดพ้นจากความหมกมุ่นนี้ได้ เราจะพบกับความสงบสุขที่แท้จริง เราจะไม่ต้องทนทุกข์อยู่ในวงจรของความอยากอีกต่อไป นี่คือทางที่จะทำให้เราพบกับความสุขที่ยั่งยืน และชีวิตที่มีความหมายอย่างแท้จริง.