กำหนดรู้สัญญาแล้วพึงข้ามโอฆะได้ เป็นมุนีไม่ติดในสิ่งที่หวงแหน ถอนลูกศรแล้วเที่ยวไป ไม่ประมาท ชื่อว่าไม่หวังในโลกหนี้และโลกหน้า

สญฺญํ ปริญฺญา วิตเรยฺย โอฆํ ปริคฺคเหสุ มุนิ โนปลิตฺโต อพฺพูฬฺหสลฺโล จรมปฺปมตฺโต นาสึสติ โลกมิมํ ปรญฺจ

สญฺญํ ปริญฺญา วิตเรยฺย โอฆํ
ปริคฺคเหสุ มุนิ โนปลิตฺโต
อพฺพูฬฺหสลฺโล จรมปฺปมตฺโต
นาสึสติ โลกมิมํ ปรญฺจ.

[คำอ่าน]

สัน-ยัง, ปะ-ริน-ยา, วิ-ตะ-ไร-ยะ, โอ-คัง
ปะ-ริก-คะ-เห-สุ, มุ-นิ, โน-ปะ-ลิด-โต
อับ-พูน-หะ-สัน-โล, จะ-ระ-มับ-ปะ-มัด-โต
นา-สิง-สะ-ติ, โล-กะ-มิ-มัง, ปะ-รัน-จะ

[คำแปล]

“กำหนดรู้สัญญาแล้วพึงข้ามโอฆะได้ เป็นมุนีไม่ติดในสิ่งที่หวงแหน ถอนลูกศรแล้วเที่ยวไป ไม่ประมาท ชื่อว่าไม่หวังในโลกหนี้และโลกหน้า.”

(พุทฺธ) ขุ.สุ. 25/486, ขุ.มหา. 29/71.

สัญญา 10 ประการ เป็นวิธีการพิจารณาธรรมะเพื่อนำไปสู่ความพ้นทุกข์ ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงสอนแก่พระอานนท์เถระ สัญญา 10 ประการ ประกอบด้วย

  1. อนิจจสัญญา: พิจารณาเห็นความไม่เที่ยงแท้ของสังขารทั้งหลาย ว่ามีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย แปรเปลี่ยนอยู่เสมอ
  2. อนัตตสัญญา: พิจารณาเห็นความเป็นอนัตตาของสังขารทั้งหลาย ว่าไม่มีแก่นแท้สาระ
  3. อสุภสัญญา: พิจารณาเห็นความไม่งามของร่างกาย ว่าประกอบไปด้วยสิ่งปฏิกูล
  4. อาทีนวสัญญา: พิจารณาเห็นโทษของร่างกาย ว่าเป็นที่เกิดแห่งโรคภัยไข้เจ็บ
  5. ปหานสัญญา: พิจารณาเห็นการละอกุศลธรรม
  6. วิราคสัญญา: พิจารณาเห็นธรรมเป็นที่เบื่อหน่าย
  7. นิโรธสัญญา: พิจารณาเห็นนิโรธ คือความดับทุกข์
  8. สัพพโลเกอนภิรตสัญญา: พิจารณาเห็นความเบื่อหน่ายในโลก
  9. สัพพสังขาเรสุอนิจจสัญญา: พิจารณาเห็นความไม่เที่ยงแท้ของสังขารทั้งปวง
  10. อานาปานัสสติ: ฝึกสติกำหนดลมหายใจเข้าออก

โอฆะ 4 หมายถึง กิเลสหรือกระแสแห่งความทุกข์ 4 ประการ เปรียบเสมือนกระแสน้ำที่พัดพาสัตว์ให้จมดิ่งอยู่ในวัฏฏะ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ประกอบด้วยดังนี้

  1. กาโมฆะ: โอฆะคือกาม หมายถึง ความใคร่ ความอยากในกามคุณ 5 ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส
  2. ภโวฆะ: โอฆะคือภพ หมายถึง ความอยากเกิด ความปรารถนาที่จะดำรงอยู่ในภพ
  3. ทิฏโฐฆะ: โอฆะคือทิฏฐิ หมายถึง ความเห็นผิด ความยึดมั่นถือมั่นในทิฏฐิที่ผิด
  4. อวิชโชฆะ: โอฆะคืออวิชชา หมายถึง ความไม่รู้ในอริยสัจ 4 ไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้สมุทัย ไม่รู้นิโรธ ไม่รู้มรรค

บุคคลผู้กำหนดรู้สัญญาทั้ง 10 ประการดังกล่าวและยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ย่อมสามารถข้ามโอฆะทั้ง 4 ประการนั้น เข้าถึงความเป็นมุนีคือผู้สงบระงับจากกิเลสตัณหาทั้งปวง เป็นผู้ไม่ประมาทคือไม่ลุ่มหลงมัวเมาในสิ่งลวงโลกทั้งหลาย ได้ชื่อว่าไม่หวังในโลกนี้และโลกหน้า คือเป็นผู้มีความอาลัยอันคลายแล้ว มีตัณหาสิ้นแล้ว เชื้อยางที่จะทำให้เกิดในภพต่อ ๆ ไปไม่มีอีก.