ถ้ามีวาจาที่ประกอบด้วยข้อความซึ่งไม่เป็นประโยชน์แม้ตั้งพัน ข้อความที่เป็นประโยชน์บทเดียว ที่ฟังแล้วสงบระงับได้ ประเสริฐกว่า
สหสฺสมปิ เจ วาจา อนตฺถปทสญฺหิตา
เอกํ อตฺถปทํ เสยฺโย ยํ สุตฺวา อุปสมฺมติ.
[คำอ่าน]
สะ-หัด-สะ-มะ-ปิ, เจ, วา-จา…..อะ-นัด-ถะ-ปะ-ทะ-สัน-หิ-ตา
เอ-กัง, อัด-ถะ-ปะ-ทัง, ไส-โย…..ยัง, สุด-ตะ-วา, อุ-ปะ-สำ-มะ-ติ
[คำแปล]
“ถ้ามีวาจาที่ประกอบด้วยข้อความซึ่งไม่เป็นประโยชน์แม้ตั้งพัน ข้อความที่เป็นประโยชน์บทเดียว ที่ฟังแล้วสงบระงับได้ ประเสริฐกว่า.”
(พุทฺธ) ขุ.ธ. 25/28.
คำว่า “วาจา” หมายถึงคำพูดหรือการสื่อสารที่ออกมาจากจิตใจ วาจาที่เป็นประโยชน์นั้นต้องประกอบด้วยความตั้งใจที่ดี มีความเมตตา และมุ่งหมายที่จะช่วยให้ผู้ฟังเกิดปัญญา เข้าใจสัจธรรม หรือเกิดการปล่อยวางจากความทุกข์ การพูดโดยปราศจากความพิจารณาหรือพูดสักแต่ว่าพูดนั้น อาจก่อให้เกิดการหลงผิด ทำให้ใจไม่สงบ และไม่ได้ประโยชน์ใด ๆ
ตามหลักศีล 5 ในพุทธศาสนา หนึ่งในนั้นคือการไม่พูดเท็จหรือพูดเพ้อเจ้อ วาจาที่ไม่เป็นประโยชน์ หรือวาจาที่ทำให้เกิดความทุกข์ ความวุ่นวายใจ นับเป็นการผิดศีลข้อนี้ การพูดเพียงสักแต่พูด หรือพูดมากเกินไปโดยไม่คำนึงถึงความหมายและผลกระทบ อาจทำให้เกิดปัญหาในการสื่อสาร และไม่สามารถนำผู้ฟังไปสู่ความสงบและปัญญาได้
ตรงกันข้าม วาจาที่เป็นประโยชน์แม้เพียงประโยคเดียว แต่หากมีเนื้อหาที่สามารถนำไปสู่การปล่อยวางความยึดมั่น ถือมั่น หรือช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจสัจธรรม นำมาซึ่งความสงบในจิตใจ จะมีคุณค่ายิ่งกว่า นี่คือการสื่อสารที่สอดคล้องกับธรรมะ เพราะธรรมะเน้นถึงความจริง ความถูกต้อง และการทำให้จิตใจเป็นอิสระจากความทุกข์
ในทางปฏิบัติ พุทธศาสนาสอนให้เราใช้วาจาที่ประกอบด้วยความเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา การใช้คำพูดที่แสดงถึงความเห็นอกเห็นใจ ความปรารถนาดีต่อผู้อื่น และการรักษาความเป็นกลางในความคิด นับว่าเป็นการสื่อสารที่ช่วยสร้างความสงบสุขแก่ทั้งตัวผู้พูดเองและผู้ฟัง
ดังนั้น สุภาษิตนี้จึงเน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญกับคุณภาพของวาจามากกว่าปริมาณ การสื่อสารที่น้อยแต่ลึกซึ้งและมีคุณค่า สามารถนำพาจิตใจไปสู่การเข้าใจธรรมะ ความสงบ และการปล่อยวางจากทุกข์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในพุทธศาสนา ย่อมประเสริฐกว่าคำพูดมากมายแต่ไร้ประโยชน์.