การไม่ทำบาปทั้งปวง การยังกุศลให้ถึงพร้อม การทำจิตของตนให้ผ่องแผ้ว สามข้อนี้เป็นคําสั่งสอนของท่านผู้รู้ทั้งหลาย

สพฺพปาปสฺส อกรณํ กุสลสฺสูปสมฺปทา สจิตฺตปริโยทปนํ เอตํ พุทฺธานสาสนํ

สพฺพปาปสฺส อกรณํ     กุสลสฺสูปสมฺปทา
สจิตฺตปริโยทปนํ     เอตํ พุทฺธานสาสนํ.

[คำอ่าน]

สับ-พะ-ปา-ปัด-สะ, อะ-กะ-ระ-นัง…..กุ-สะ-ลัด-สู-ปะ-สำ-ปะ-ทา
สะ-จิด-ตะ-ปะ-ริ-โย-ทะ-ปะ-นัง…..เอ-ตัง, พุด-ทา-นะ-สา-สะ-นัง

[คำแปล]

“การไม่ทำบาปทั้งปวง การยังกุศลให้ถึงพร้อม การทำจิตของตนให้ผ่องแผ้ว สามข้อนี้เป็นคําสั่งสอนของท่านผู้รู้ทั้งหลาย.”

(พุทฺธ) ขุ.ธ. 25/39.

คำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งปวง เมื่อสรุปลงโดยย่อก็มีเพียง 3 ประการเท่านั้น คือ

การไม่ทำบาปทั้งปวง คือ การเว้นจากทุจริต 3 อย่าง ได้แก่

  1. กายทุจริต ประพฤติชั่วด้วยกาย คือ ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม
  2. วจีทุจริต ประพฤติชั่วด้วยวาจา คือ พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคําหยาบ พูดเหลวไหลเพ้อเจ้อ
  3. มโนทุจริต ประพฤติชั่วด้วยใจ คือ โลภอยากได้ของเขา พยายาทปองร้ายเขา และมิจฉาทิฏฐิ เห็นผิดจากทำนองคลองธรรม

การยังกุศลให้ถึงพร้อม คือ ประกอบสุจริต 3 อย่าง ได้แก่

  1. กายสุจริต คือ เว้นจากการฆ่าสัตว์ เว้นจากการลักทรัพย์ เว้นจากการประพฤติ ผิดในกาม
  2. วจีสุจริต คือ เว้นจากการพูดเท็จ เว้นจากการพูดส่อเสียด เว้นจากการพูดคำหยาบ เว้นจากการพูดเหลวไหลเพ้อเจ้อ
  3. มโนสุจริต คือ ไม่โลภอยากได้ของเขา ไม่พยาบาทปองร้ายเขา เห็นชอบตามทำนองคลองธรรม

ทำจิตของตนให้ผ่องแผ้ว หมายเอาการทำใจให้หมดจดจากกิเลสอย่างละเอียด ซึ่งเรียกว่า อนุสัย มีโลภ โกรธ หลง เป็นต้น กิเลสจำพวกนี้ บางทีไม่ปรากฏให้เห็นได้ง่าย ๆ แต่เมื่อมีอารมณ์ซึ่งเป็นอายตนะภายนอก คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เข้ามากระทบยั่วยวนอายตนะภายใน คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย กิเลสจึงเกิดขึ้นพุ่งขึ้นมา

สรุปความว่า การไม่ทำบาปทั้งปวง ก็คือการไม่ทำความชั่วทั้งสิ้นนั่นเอง ซึ่งเรียกว่า เว้นจากทุจริตคือประพฤติชั่วด้วยกาย วาจา ใจ การบำเพ็ญกุศลให้บริบูรณ์ในสันดานนั้น เรียกว่าประกอบสุจริตคือประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ และการชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้วขาวสะอาดจากกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งปวง เรียกว่า ทำใจของตนให้หมดจดจากเครื่องเศร้าหมอง ทั้ง 3 ข้อนี้ เป็นยอดคำสอนของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ที่เหล่าพุทธศาสนิกชนพึงยึดถือปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อความสงบสุขและเจริญงอกงามของตนเอง.