ผู้สำรอกราคะ โทสะ และอวิชชาได้แล้ว ชื่อว่าได้ข้ามทะเลที่มีสัตว์ร้าย มีผู้ร้าย มีภัยจากคลื่น อันข้ามไปได้ยากนักนี้
ยสฺส ราโค จ โทโส จ อวิชฺชา จ วิราชิตา
โส อิมํ สมุทฺทํ สคาหํ สรกฺขสํ
สอุมฺมิภยํ สุทุตฺตรํ อจฺจตริ.
[คำอ่าน]
ยัด-สะ, รา-โค, จะ, โท-โส, จะ……อะ-วิด-ชา, จะ, วิ-รา-ชิ-ตา
โส, อิ-มัง, สะ-มุด-ทัง, สะ-คา-หัง, สะ-รัก-ขะ-สัง
สะ-อุม-มิ-พะ-ยัง, สุ-ทุด-ตะ-รัง, อัด-จะ-ตะ-ริ
[คำแปล]
“ผู้สำรอกราคะ โทสะ และอวิชชาได้แล้ว ชื่อว่าได้ข้ามทะเลที่มีสัตว์ร้าย มีผู้ร้าย มีภัยจากคลื่น อันข้ามไปได้ยากนักนี้.”
(พุทฺธ) สํ.สฬา. 18/197.
การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารนั้น เปรียบเสมือนกับการว่ายน้ำอยู่ในทะเลใหญ่ ซึ่งในทะเลใหญ่นั้นเต็มไปด้วยภัยอันตรายมากมาย เช่น ภัยจากปลาร้าย ภัยจากโจรสลัด และภัยจากคลื่นยักษื เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นภัยร้ายที่ทำให้คนเดินทะเลตายเสียในระหว่าง ไม่สามารถไปถึงฝั่งดังที่ฝัน
การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารนั้นก็เต็มไปด้วยภัยใหญ่เช่นกัน ภัยใหญ่ในวัฏสงสารก็คือกิเลสตัณหาและอวิชชาซึ่งเป็นตัวการสำคัญทำให้สรรพสัตว์ติดอยู่ในวังวนของการเกิดและการตายไม่สามารถหลุดพ้นไปได้
บุคคลผู้ดำเนินตามอริยมรรคมีองค์ 8 หมั่นปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามแนวทางสติปัฏฐาน 4 จนสามารถยังวิปัสสนาญาณให้เกิดขึ้นได้ เข้าถึงอริยมรรคอริยผลตั้งแต่ระดับที่หนึ่งจนถึงระดับที่สี่ จึงจะสามารถกำจัดกิเลสตัณหาและอวิชชาเหล่านั้นได้ตามกำลังแห่งมรรคนั้นๆ ต่อเมื่อกำจัดกิเลสตัณหาและอวิชชาได้หมดสิ้นแล้ว ผู้นั้นย่อมได้ชื่อว่าข้ามพ้นทะเลคือสังสารวัฏอันเต็มไปด้วยภัยใหญ่นี้ได้