ผู้ไม่โลเล ไม่ทำความติดในรส ไม่เลี้ยงผู้อื่น เที่ยวบิณฑบาตตามลำดับ มีจิตไม่ติดในสกุล พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด
รเสสุ เคธํ อกรํ อโลโล
อนญฺญโปสี สปทานจารี
กุเล กุเล อปฺปฏิพทฺธจิตฺโต
เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.
[คำอ่าน]
ระ-เส-สุ, เค-ทัง, อะ-กะ-รัง, อะ-โล-โล
อะ-นัน-ยะ-โป-สี, สะ-ปะ-ทา-นะ-จา-รี
กุ-เล, กุ-เล, อับ-ปะ-ติ-พัด-ทะ-จิด-โต
เอ-โก, จะ-เร, ขัก-คะ-วิ-สา-นะ-กับ-โป
[คำแปล]
“ผู้ไม่โลเล ไม่ทำความติดในรส ไม่เลี้ยงผู้อื่น เที่ยวบิณฑบาตตามลำดับ มีจิตไม่ติดในสกุล พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด.”
(พุทฺธ) ขุ.สุ. 25/337, ขุ.จู. 30/406.
คำว่า “ผู้ไม่โลเล” หมายถึง พระภิกษุในพุทธศาสนา พึงเป็นผู้มีจิตใจที่มั่นคงไม่คลอนแคลน มีจิตใจสงบระงับ ไม่กระทำผิดศีลธรรม มีเมตตากรุณาต่อสรรพสัตว์ ปฏิบัติสมณธรรมเพื่อกระทำที่สุดแห่งทุกข์ เพื่อความเป็นสมณะที่แท้จริง และเพื่อความเป็นเนื้อนาบุญอันยอดเยี่ยมของชาวโลก
คำว่า “ไม่ทำความติดในรส” หมายถึง ไม่ติดใจในรสแห่งกามคุณ ผู้เป็นภิกษุไม่พึงติดในรสแห่งกามคุณอันเป็นเครื่องล่อใจให้ออกจากทางอันประเสริฐ พึงพิจารณาเห็นกามคุณทั้งหลายโดยความเป็นสิ่งก่อทุกข์ก่อโทษ แล้วปฏิบัติตนเพื่อสลัดความพอใจในกามคุณเหล่านั้นเสีย
คำว่า “ไม่เลี้ยงผู้อื่น” หมายถึง ไม่ยินดีในการมีครอบครัวอย่างฆราวาส ไม่มีความยินดีในการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ ภิกษุในพุทธศาสนาพึงตัดเยื่อใยในการดำรงชีวิตอย่างฆราวาสผู้ครองเรือนทั้งหลาย เพราะได้ชื่อว่าเป็นผู้ออกจากเรือนไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนแล้ว ไม่ควรมีใจฝักใฝ่ที่จะกลับไปครองเรือนอีก
คำว่า “เที่ยวบิณฑบาตตามลำดับ” หมายถึง การเที่ยวบิณฑบาตโปรดสัตว์โดยไม่เห็นแก่หน้า หรือไม่เห็นแก่ลาภสักการะ หน้าที่อย่างหนึ่งของภิกษุในพุทธศาสนาก็คือการโปรดสัตว์ การเที่ยวบิณฑบาตนั้นไม่ใช่การขอ ไม่ใช่การเลี้ยงชีพ แต่เป็นการโปรดสัตว์ คือเอื้อเฟื้อต่อสาธุชนทั้งหลายผู้ปรารถนาบุญ ภิกษุเมื่อออกบิณฑบาตในแต่ละวันนั้น พึงตั้งใจออกบิณฑบาตเพื่อเอื้อเฟื้อแก่สาธุชนผู้ต้องการบำเพ็ญทานบารมีเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อหาอาหารเลี้ยงชีพ การเที่ยวบิณฑบาตตามลำดับก็หมายถึงการรับอาหารบิณฑบาตของสาธุชนทุกคนโดยไม่เลือกหน้านั่นเอง
คำว่า “มีจิตไม่ติดในสกุล” หมายถึง ไม่คลุกคลีด้วยตระกูลใดตระกูลหนึ่งเป็นพิเศษเพราะเห็นแก่ฐานะทางสังคมของตระกูลนั้น ๆ หรือเพื่อลาภสักการะพิเศษที่จะพึงเกิดขึ้นแก่ตน เพราะจะเป็นเหตุให้เกิดผลเสียต่าง ๆ ตามมา เช่น การประจบคฤหัสถ์ คำติเตียนจากสพรหมจารี เป็นต้น
คำว่า “พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด” หมายถึง การไม่คลุกคลีด้วยหมู่คณะ ยินดีในความสงบสงัด ปลีกวิเวกเพื่อบำเพ็ญสมณธรรม ภิกษุไม่ควรเป็นผู้ยินดีในการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ แต่พึงยินดีในความวิเวก หลีกเร้นเพื่อปฏิบัติธรรมตามลำพัง เพื่อตัดความกังวลและความวุ่นวายทั้งปวง มีจิตใจเด็ดเดี่ยวอยู่ตามลำพังเพื่อสร้างความสงบในจิตใจ เปรียบเสมือนนอแรดที่มีเพียงอันเดียวฉะนั้น.