เมื่อรากยังมั่นคง ไม่มีอันตราย ต้นไม้แม้ถูกตัดแล้วย่อมงอกได้อีก ฉันใด, เมื่อตัณหานุสัยยังไม่ถูกกำจัดแล้ว ทุกข์นี้ย่อมเกิดร่ำไป ฉันนั้น

ยถาปิ มูเล อนุปทฺทเว ทฬฺเห ฉินฺโนปิ รุกฺโข ปุนเรว รูหติ เอวมฺปิ ตณฺหานุสเย อนูหเต นิพฺพตฺตติ ทุกฺขมิทํ ปุนปฺปุนํ

ยถาปิ มูเล อนุปทฺทเว ทฬฺเห
ฉินฺโนปิ รุกฺโข ปุนเรว รูหติ
เอวมฺปิ ตณฺหานุสเย อนูหเต
นิพฺพตฺตติ ทุกฺขมิทํ ปุนปฺปุนํ.

[คำอ่าน]

ยะ-ถา-ปิ, มู-เล, อะ-นุ-ปัด-ทะ-เว, ทัน-เห
ฉิน-โน-ปิ, รุก-โข, ปุ-นะ-เร-วะ, รู-หะ-ติ
เอ-วำ-ปิ, ตัน-หา-นุ-สะ-เย, อะ-นู-หะ-เต
นิบ-พัด-ตะ-ติ, ทุก-ขะ-มิ-ทัง, ปุ-นับ-ปุ-นัง

[คำแปล]

“เมื่อรากยังมั่นคง ไม่มีอันตราย ต้นไม้แม้ถูกตัดแล้วย่อมงอกได้อีก ฉันใด, เมื่อตัณหานุสัยยังไม่ถูกกำจัดแล้ว ทุกข์นี้ย่อมเกิดร่ำไป ฉันนั้น.”

(พุทฺธ) ขุ.ธ. 25/60.

ธรรมชาติของต้นไม้ เมื่อรากของมันยังคงแข็งแรงมั่นคง แม้ว่าต้นจะถูกตัดไป ก็ยังสามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้อีก แต่ถ้ารากถูกขุดรากถอนโคนไปแล้ว ต้นไม้นั้นก็จะตายอย่างถาวร ไม่สามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้อีก ชีวิตของเราก็เช่นกัน เมื่อยังมีรากแห่งทุกข์คือตัณหาอยู่ ความทุกข์ก็ยังคงเกิดขึ้นแก่เราได้เสมอ

ตัณหาคือความอยากได้ อยากมี อยากเป็น เป็นตัวการหลักที่ทำให้เราเกิดความทุกข์ เรามักต้องการสิ่งต่าง ๆ มาครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นวัตถุ ความสัมพันธ์ หรือสถานะทางสังคม แต่ความอยากเหล่านี้ไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อเราไม่ได้สิ่งที่เราปรารถนา เราก็ทุกข์ และเมื่อได้มาแล้ว เราก็กลัวจะเสียมันไป จึงเกิดความทุกข์ขึ้นอีก

การดำเนินชีวิตด้วยการพยายามตอบสนองความอยากเหล่านี้ เป็นเหมือนการตัดกิ่งของต้นไม้ แม้ว่าจะตัดกิ่งออกไป แต่รากยังคงอยู่ กิ่งที่ถูกตัดไปก็ยังสามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้อีก เพราะรากไม่ได้ถูกตัด เมื่อเรายังมีตัณหาอยู่ ความทุกข์ก็ยังคงตามมาไม่รู้จบ เหมือนต้นไม้ที่ยังมีรากอยู่ แม้กิ่งและต้นจะถูกตัดไปก็ยังสามารถงอกใหม่ได้เสมอ

แต่การที่จะขุดรากถอนโคนแห่งตัณหา ไม่ใช่เรื่องง่าย การขจัดความอยากนี้ต้องอาศัยการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจนเกิดวิปัสสนาญาณอันเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการทำลายตัณหา วิปัสสนาญาณคือการรู้แจ้งเห็นจริงตามธรรมชาติของสิ่งทั้งหลาย ด้วยการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอย่างต่อเนื่อง เราจะสามารถเห็นความไม่เที่ยงของสิ่งต่าง ๆ เห็นว่าทุกสิ่งล้วนมีความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เมื่อเห็นความจริงนี้อย่างแจ่มชัด จิตใจของเราจะเริ่มปล่อยวางความอยาก วิปัสสนาญาณเกิดขึ้นทำลายกิเลสตัณหาในจิตใจ และเมื่อตัณหาหมดสิ้น ความทุกข์ก็หมดสิ้นไปเช่นกัน

ดังนั้น หากต้องการทำลายต้นไม้ ต้องขุดรากถอนโคนให้หมดสิ้น หากต้องการดับทุกข์อย่างถาวร ก็ต้องทำลายรากแห่งทุกข์คือตัณหาเสียให้หมดสิ้น ด้วยการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ยังวิปัสสนาญาณให้เกิดขึ้น เพื่อกำจัดตัณหาอันเป็นรากแห่งทุกข์นั้นให้สิ้นซาก