ผู้ใดตัดความข้องทั้งปวงแล้ว บรรเทาความกระวนกระวายใจได้ ผู้นั้นถึงความสงบใจ เป็นผู้สงบระงับ อยู่เป็นสุข
สพฺพา อาสตฺติโย เฉตฺวา วิเนยฺย หทเย ทรํ
อุปสนฺโต สุขํ เสติ สนฺตึ ปปฺปุยฺย เจตโส.
[คำอ่าน]
สับ-พา, อา-สัด-ติ-โย, เฉด-ตะ-วา วิ-ไน-ยะ, หะ-ทะ-ยะ, ทะ-รัง
อุ-ปะ-สัน-โต, สุ-ขัง, เส-ติ สัน-ติง, ปับ-ปุย-ยะ, เจ-ตะ-โส
[คำแปล]
“ผู้ใดตัดความข้องทั้งปวงแล้ว บรรเทาความกระวนกระวายใจได้ ผู้นั้นถึงความสงบใจ เป็นผู้สงบระงับ อยู่เป็นสุข.”
(พุทฺธ) องฺ.ติก. 20/175.
คำว่า “ความข้อง” หมายถึง ความยึดติด ความเกี่ยวข้อง และพันธนาการทั้งหลายที่ทำให้จิตใจของเราถูกพันธนาการอยู่ในวงจรของการเวียนว่ายตายเกิด ความข้องนี้หมายถึงความติดยึดในกิเลสต่าง ๆ เช่น ตัณหา (ความอยากได้), อุปาทาน (ความยึดมั่นถือมั่น), และอวิชชา (ความไม่รู้)
การตัดความข้องทั้งปวง หมายถึงการปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน, สถานะทางสังคม, ความรู้สึกทางกายและใจ หรือสิ่งที่เราคิดว่าเป็น “ของเรา” พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า การปล่อยวางความยึดติดเป็นขั้นตอนสำคัญในการปฏิบัติเพื่อเข้าถึงความหลุดพ้น
ความกระวนกระวายใจ คือสภาวะของความวิตกกังวล ความไม่สงบ ความกระสับกระส่ายที่เกิดขึ้นในจิตใจ ซึ่งมักจะเกิดจากความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งต่าง ๆ หรือจากการเผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง
การบรรเทาความกระวนกระวายใจได้ หมายถึงการที่บุคคลสามารถปล่อยวางความวิตกกังวลและความกระสับกระส่ายที่เกิดขึ้นในจิตใจ การปล่อยวางนี้เกิดจากการฝึกฝนสติและสมาธิ รวมถึงการปฏิบัติตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนา เช่น การเจริญวิปัสสนา เพื่อให้เกิดปัญญาในการเห็นความจริงของสรรพสิ่งว่าเป็นอนิจจัง (ไม่เที่ยง), ทุกขัง (เป็นทุกข์), และอนัตตา (ไม่ใช่ตัวตน)
เมื่อบุคคลตัดความข้องและบรรเทาความกระวนกระวายใจได้ ก็จะบรรลุถึงความสงบใจ ซึ่งหมายถึงสภาวะของจิตที่ไร้การยึดติด ไร้ความวิตกกังวล หรือความทุกข์ใจใด ๆ ความสงบใจนี้เกิดจากการเข้าใจและปฏิบัติตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะการละตัณหาและอุปาทาน (ความยึดมั่นในตัวตน)
การถึงความสงบระงับ หมายถึงการที่จิตไม่ถูกรบกวนด้วยกิเลสหรือความปรารถนาทางโลกอีกต่อไป จิตอยู่ในสภาวะที่สงบเรียบร้อย ไม่กระวนกระวาย เมื่อทำได้ดังนี้ บุคคลนั้นย่อมเข้าถึงความอยู่เป็นสุข ซึ่งเป็นสภาวะของการเข้าถึงนิพพาน หรือการหลุดพ้นจากวงจรของความทุกข์ในสังสารวัฏ.