ผู้ใดปราศจากความติดในกามทั้งปวง ล่วงฌานอื่นได้แล้ว อาศัยอากิญจัญญายตนฌาน น้อมใจไปในสัญญาวิโมกข์อันประเสริฐ ผู้นั้นจะพึงอยู่ในอากิญจัญญายตนฌาน ไม่มีเสื่อม
สพฺเพสุ กาเมสุ โย วีตราโค
อากิญฺจญฺญํ นิสฺสิโต หิตฺวมญฺญํ
สญฺญาวิโมกฺเข ปรเมธิมุตฺโต
ติฏฺเฐยฺย โส ตตฺถ อนานุยายี.
[คำอ่าน]
สับ-เพ-สุ, กา-เม-สุ, โย, วี-ตะ-รา-โค
อา-กิน-จัน-ยัง, นิด-สิ-โต, หิด-ตะ-วะ-มัน-ยัง
สัน-ยา-วิ-โมก-เข, ปะ-ระ-เม-ทิ-มุด-โต
ติด-ไถ-ยะ, โส, ตัด-ถะ, อะ-นา-นุ-ยา-ยี
[คำแปล]
“ผู้ใดปราศจากความติดในกามทั้งปวง ล่วงฌานอื่นได้แล้ว อาศัยอากิญจัญญายตนฌาน น้อมใจไปในสัญญาวิโมกข์อันประเสริฐ ผู้นั้นจะพึงอยู่ในอากิญจัญญายตนฌาน ไม่มีเสื่อม.”
(พุทฺธ) ขุ.สุ. 25/538, ขุ.จู. 30/133.
คำว่า กาม ในที่นี้หมายถึงสิ่งที่ให้ความพึงพอใจทางประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความยึดมั่นถือมั่นและความทุกข์ การปราศจากความติดในกาม คือการละวางความยึดติดในความสุขที่เกิดจากประสาทสัมผัส ซึ่งเป็นการฝึกใจให้ไม่ยึดมั่นในความพึงพอใจที่เป็นทางโลก พระพุทธเจ้าได้สอนว่า การละกามารมณ์เป็นขั้นตอนสำคัญในการเข้าสู่ทางแห่งการฝึกสมาธิในระดับสูง
คำว่า “ล่วงฌานอื่นได้แล้ว” หมายถึงการที่บุคคลนั้นได้ผ่านการฝึกสมถะและบรรลุถึงฌานในระดับต่าง ๆ มาแล้ว ฌานเป็นสภาวะของจิตที่สงบระงับและมีสมาธิในขั้นสูง การฝึกสมาธิและบรรลุฌานนั้นมีหลายระดับ เริ่มจากปฐมฌานจนถึงจตุตถฌาน ซึ่งเป็นการฝึกสมาธิที่ละเอียดยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ แต่การที่จะเข้าสู่อากิญจัญญายตนฌานได้นั้น จำเป็นต้องล่วงพ้นการยึดติดในฌานระดับอื่น ๆ มาก่อน
อากิญจัญญายตนฌาน หมายถึง ฌานในระดับที่จิตมีการน้อมไปใน “ความไม่มีสิ่งใด” หรือการไม่มีสิ่งใดให้ยึดถือหรือยึดติด ไม่ว่าจะเป็นความคิด ความรู้สึก หรือสิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏขึ้นในจิต ในสภาวะนี้ จิตจะอยู่ในความสงบที่บริสุทธิ์มากกว่าขั้นอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ การที่จิตเข้าสู่ภาวะที่ไม่มีสิ่งใดนั้นไม่ได้หมายถึงความว่างเปล่าที่เป็นนามธรรม แต่หมายถึงการปล่อยวางสิ่งทั้งหมดที่จิตเคยยึดถือไว้ จนจิตปราศจากการยึดติดกับสิ่งใด ๆ ทั้งหมด
สัญญาวิโมกข์ หมายถึง การหลุดพ้นจากความยึดมั่นใน “สัญญา” หรือการหลุดพ้นจากการรับรู้และการจำได้หมายรู้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในจิตของเรา สัญญาในทางพระพุทธศาสนาหมายถึงกระบวนการของจิตที่จดจำหรือรับรู้สิ่งต่าง ๆ เช่น รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส หรืออารมณ์ต่าง ๆ การหลุดพ้นจากสัญญานี้เป็นการปลดปล่อยจิตจากการยึดติดและการเห็นผิดในสิ่งเหล่านี้ ซึ่งทำให้เกิดทุกข์และความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน
ในระดับฌาน การบรรลุถึงสัญญาวิโมกข์หมายถึงการที่จิตหลุดพ้นจากการยึดมั่นในความจำได้หมายรู้และการรับรู้ทั้งหมด ซึ่งจะนำไปสู่ความสงบและความบริสุทธิ์ของจิต
ผู้ที่สามารถหลุดพ้นจากความยึดติดในกามและความยึดมั่นในตัวตน และได้บรรลุถึงอากิญจัญญายตนฌาน จะไม่มีเสื่อม หมายถึงจิตใจของเขาจะไม่กลับไปยึดมั่นในสิ่งต่าง ๆ อีกแล้ว จิตของเขาจะคงอยู่ในสภาวะที่สงบสุขและไม่กลับไปติดข้องในกามารมณ์หรืออารมณ์อื่น ๆ ที่เป็นทางโลกอีกต่อไป.