ท่านทั้งหลายต้องทำความเพียรเอง ตถาคตเป็นแต่ผู้บอก ผู้มีปกติเพ่งพินิจดำเนินไปแล้ว จักพ้นจากเครื่องผูกของมาร
ตุมฺเหหิ กิจฺจํ อาตปฺปํ อกฺขาตาโร ตถาคตา
ปฏิปนฺนา ปโมกฺขนฺติ ฌายิโน มารพนฺธนา.
[คำอ่าน]
ตุม-เห-หิ, กิด-จัง, อา-ตับ-ปัง…..อัก-ขา-ตา-โร, ตะ-ถา-คะ-ตา
ปะ-ติ-ปัน-นา, ปะ-โมก-ขัน-ติ…..ชา-ยิ-โน, มา-ระ-พัน-ทะ-นา
[คำแปล]
“ท่านทั้งหลายต้องทำความเพียรเอง ตถาคตเป็นแต่ผู้บอก ผู้มีปกติเพ่งพินิจดำเนินไปแล้ว จักพ้นจากเครื่องผูกของมาร.”
(พุทฺธ) ขุ.ธ. 25/51.
สุภาษิตนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาตนเองในทางธรรม โดยกล่าวถึงความจำเป็นที่แต่ละคนต้องพยายามในการฝึกฝนและดำเนินชีวิตตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า การบรรลุความพ้นทุกข์ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากการที่ผู้อื่นทำแทน แต่ต้องเกิดจากความเพียรพยายามของแต่ละบุคคลเท่านั้น
พระพุทธเจ้าทรงมีบทบาทเพียงผู้ชี้แนะแนวทางและให้คำสอนที่เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต แต่หน้าที่ในการปฏิบัติตามนั้นอยู่ที่ตัวบุคคลเอง การเรียนรู้และนำคำสอนไปปฏิบัติเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความตั้งใจและการเพ่งพินิจอย่างต่อเนื่อง
การเพ่งพินิจหมายถึงการมีสติและสัมปชัญญะในการสำรวจตัวเองและสิ่งรอบข้างอย่างถี่ถ้วน การเข้าใจและปฏิบัติตามหลักธรรมะเป็นสิ่งที่ต้องทำด้วยความตระหนักรู้ในทุกย่างก้าวของชีวิต ทั้งนี้ การดำเนินตามคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ใช่เพียงแค่การปฏิบัติเพื่อผลลัพธ์ในระยะสั้น แต่เป็นการสร้างนิสัยและแนวคิดที่ยั่งยืนในชีวิตประจำวัน
ผลลัพธ์ของการปฏิบัติตามหลักธรรมจะนำไปสู่การหลุดพ้นจากความทุกข์และอุปสรรคที่ขัดขวางไม่ให้บุคคลบรรลุถึงความสุขที่แท้จริง อุปสรรคเหล่านี้อาจเป็นความรู้สึกเชิงลบ เช่น ความโลภ ความโกรธ หรือความหลง หากบุคคลสามารถเอาชนะสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยการดำเนินตามแนวทางธรรมะ บุคคลนั้นก็จะพบกับความสงบสุขและความพ้นทุกข์ในที่สุด
โดยรวมแล้ว สุภาษิตนี้เป็นการส่งเสริมให้ผู้คนรับผิดชอบในการพัฒนาตนเอง และเตือนให้มีความตั้งใจในการดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายแห่งการพ้นทุกข์และเข้าสู่สภาพความสงบสุขอย่างแท้จริงในชีวิต.