ท่านทั้งหลาย จงเห็นความวิวาทโดยความเป็นภัย และความไม่วิวาทโดยความปลอดภัย ฯลฯ
วิวาทํ ภยโต ทิสฺวา อวิวาทญฺจ เขมโต
สมคฺคา สขิลา โหถ เอสา พุทฺธานุสาสนี.
[คำอ่าน]
วิ-วา-ทัง, พะ-ยะ-โต, ทิด-สะ-หวา…..อะ-วิ-วา-ทัน-จะ, เข-มะ-โต
สะ-มัก-คา, สะ-ขิ-ลา, โห-ถะ…..เอ-สา, พุด-ทา-นุ-สา-สะ-นี
[คำแปล]
“ท่านทั้งหลาย จงเห็นความวิวาทโดยความเป็นภัย และความไม่วิวาทโดยความปลอดภัยแล้ว เป็นผู้พร้อมเพรียง มีความประนีประนอมกันเถิด นี้เป็นพระพุทธานุศาสนี.”
(พุทฺธ) ขุ.จริยา. 33/595.
คำสอนของพระพุทธเจ้าเกี่ยวกับการเห็นความวิวาทโดยความเป็นภัย และการเห็นความไม่วิวาทโดยความปลอดภัย เป็นหลักธรรมสำคัญที่สอนให้มนุษย์รู้จักประนีประนอมและอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนให้เรามองเห็นถึงความร้ายแรงของการมีความขัดแย้งและการทะเลาะวิวาทกัน การวิวาทนำมาซึ่งความแตกแยก ความไม่สบายใจ และการสูญเสียทั้งทางกายและจิตใจ
ความวิวาทเป็นภัย เพราะมันเป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งระหว่างบุคคล กลุ่มคน หรือแม้กระทั่งชาติบ้านเมือง ความขัดแย้งทำให้เกิดความแตกแยก ความไม่ไว้วางใจ และความโกรธเคือง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นต้นเหตุของการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน เมื่อเรามองเห็นความวิวาทว่าเป็นภัย เราจะพยายามหลีกเลี่ยงมัน และหาทางที่จะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น
ในทางกลับกัน การเห็นความไม่วิวาทโดยความปลอดภัยเป็นการมองเห็นถึงคุณค่าและประโยชน์ของความสงบสุข ความไม่วิวาทนำมาซึ่งความสงบ ความมั่นคง และความเจริญรุ่งเรืองในสังคม เมื่อทุกคนมีความพร้อมเพรียงและประนีประนอมกัน ย่อมทำให้เกิดความเข้าใจกันมากขึ้น การทำงานร่วมกันก็จะราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การเป็นผู้พร้อมเพรียงกัน หมายถึงการมีใจเปิดรับฟังความเห็นของผู้อื่น มีความเข้าใจและเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน การประนีประนอมกันหมายถึงการยอมรับและปรับตัวเพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ในกลุ่ม การทำเช่นนี้ไม่ใช่การยอมแพ้หรือเสียศักดิ์ศรี แต่เป็นการแสดงถึงความเมตตาและปัญญาในการอยู่ร่วมกัน
พระพุทธเจ้าสอนว่าการประนีประนอมกันเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง การเจรจาและการหาทางออกร่วมกันจะช่วยให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์และความพึงพอใจ การใช้ความรุนแรงและการวิวาทไม่ได้เป็นทางออกที่ดี เพราะมันมีแต่ทำให้ปัญหาซับซ้อนและเลวร้ายลง
การเห็นความวิวาทโดยความเป็นภัยและการเห็นความไม่วิวาทโดยความปลอดภัยยังเป็นการสอนให้เรามีสติและปัญญาในการใช้ชีวิต เมื่อเรามีสติรู้เท่าทันถึงผลกระทบของการกระทำของเรา เราจะสามารถควบคุมตัวเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของความโกรธและความขัดแย้ง และเมื่อเรามีปัญญาเราจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย
การนำคำสอนนี้มาใช้ในชีวิตประจำวันจะช่วยให้เราสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น สร้างสังคมที่สงบร่มเย็นและมีความสุข และเป็นการเสริมสร้างสันติสุขให้กับโลกนี้ได้ในที่สุด คำสอนของพระพุทธเจ้าเกี่ยวกับการประนีประนอมและความสามัคคีจึงเป็นหลักธรรมที่ควรยึดถือและปฏิบัติตามเพื่อความสุขและความสงบร่มเย็นของทุกคน.