พึงศึกษาวิเวก ซึ่งเป็นคุณอันสูงสุดของพระอริยะทั้งหลาย ไม่ถือตัวว่าเป็นผู้ประเสริฐเพราะวิเวกนั้น ผู้นั้นแล ชื่อว่าปฏิบัติใกล้นิพพาน

วิเวกญฺเญว สิกฺเขถ เอตทริยานมุตฺตมํ เตน เสฏฺโฐ น มญฺเญถ ส เว นิพฺพานสนฺติเก

วิเวกญฺเญว สิกฺเขถ     เอตทริยานมุตฺตมํ
เตน เสฏฺโฐ น มญฺเญถ     ส เว นิพฺพานสนฺติเก.

[คำอ่าน]

วิ-เว-กัน-เย-วะ, สิก-เข-ถะ…..เอ-ตะ-ทะ-ริ-ยา-นะ-มุด-ตะ-มัง
เต-นะ, เสด-โถ, นะ, มัน-เย-ถะ…..สะ, เว, นิบ-พา-นะ-สัน-ติ-เก

[คำแปล]

“พึงศึกษาวิเวก ซึ่งเป็นคุณอันสูงสุดของพระอริยะทั้งหลาย ไม่ถือตัวว่าเป็นผู้ประเสริฐเพราะวิเวกนั้น ผู้นั้นแล ชื่อว่าปฏิบัติใกล้นิพพาน.”

(พุทฺธ) ขุ.สุ. 25/494, ข.มหา. 29/191.

วิเวก แปลว่า ความสงบ หรือ ความสงัด มี 3 ประการ คือ

  1. กายวิเวก คือ การปลีกตัวออกจากหมู่คณะ แสวงหาสถานที่อันสงบสงัดเหมาะแก่การปฏิบัติกัมมัฏฐานเพื่อความสงบสงัดแห่งจิตใจ
  2. จิตตวิเวก คือ การทำจิตของตนให้ปราศจากความวุ่นวายฟุ้งซ่าน เข้าถึงความสงบ โดยสาระได้แก่สงบจากนิวรณ์ทั้ง 5 ประการ
  3. อุปธิวิเวก คือ ความสงัดจากอุปธิ อันได้แก่ กรรมกิเลส ขันธ์ และอภิสังขาร

วิเวกทั้ง 3 ประการนั้นเป็นคุณอันสูงสุดของพระอริยบุคคลทั้งหลาย พระอริยบุคคลเหล่านั้นท่านละกรรมกิเลสได้ในระดับต่าง ๆ กันตามอริยมรรคอริยผลที่ตนเข้าถึง

บุคคลผู้ปฏิบัติตามแนวทางแห่งวิเวกทั้ง 3 ประการนั้นชื่อว่าดำเนินตามทางแห่งพระอริยะ หรือเพื่อเข้าถึงความเป็นพระอริยะ และเมื่อเข้าถึงวิเวกในแต่ละระดับได้แล้วก็ไม่มีความถือตัวว่าตนเองเป็นผู้ประเสริฐเพราะความวิเวกนั้น ๆ ย่อมได้ชื่อว่าเข้าใกล้พระนิพพาน และเมื่อปฏิบัติจนเข้าถึงวิเวกขั้นสูงสุดคือความสงัดจากกิเลสตัณหาทั้งปวงได้แล้ว ผู้นั้นย่อมเข้าถึงพระนิพพานอย่างแท้จริง.