ผู้ใดตัดความข้องทั้งปวงแล้ว บรรเทาความกระวนกระวายใจได้ ผู้นั้นถึงความสงบใจ เป็นผู้สงบระงับ อยู่เป็นสุข

สพฺพา อาสตฺติโย เฉตฺวา วิเนยฺย หทเย ทรํ อุปสนฺโต สุขํ เสติ สนฺตึ ปปฺปุยฺย เจตโส.

ผู้ใดไม่มีความยึดถือว่าของเรา ในนามรูป โดยประการทั้งปวง และผู้ใดย่อมไม่เศร้าโศกเพราะนามรูปที่ไม่มีอยู่ ผู้นั้นแล ท่านเรียกว่าภิกษุ

สพฺพโส นามรูปสฺมึ ยสฺส นตฺถิ มมายิตํ อสตา จ น โสจติ ส เว ภิกฺขูติ วุจฺจติ.

ผู้ใดพิจารณาเห็นความยิ่งและหย่อนในโลกแล้ว ไม่มีความหวั่นไหวในอารมณ์ไหน ๆ ในโลก เรากล่าวว่า ผู้นั้นเป็นผู้สงบ ฯลฯ

สงฺขาย โลกสฺมิ ปโรปรานิ ยสฺสิญฺชิตํ นตฺถิ กุหิญฺจิ โลเก สนฺโต วิธูโม อนีโฆ นิราโส อตาริ โส ชาติชรนฺติ พฺรูมิ.

ผู้ใดเป็นคนขัดเคือง เหนียวแน่น ปรารถนาลามก ตระหนี่ โอ้อวด ไม่ละอายและไม่เกรงกลัวบาป พึงรู้ว่า ผู้นั้นเป็นคนเลว

โรสโก กทริโย จ ปาปิจฺโฉ มจฺฉรี สโฐ อหิริโก อโนตฺตปฺปี ตํ ชญฺญา วสโล อิติ.

ผู้ใด ระมัดระวังอินทรีย์เหล่านั้น รู้จักอินทรีย์ ๖ ตั้งอยู่ในธรรม ยินดีในความซื่อตรง และความอ่อนโยน ล่วงกิเลสเครื่องข้องเสียได้ ฯลฯ

โย เตสุ คุตฺโต วิทิตินฺทฺริโย จเร ธมฺเม ฐิโต อชฺชวมทฺทเว รโต สงฺคาติโค สพฺพทุกฺขปฺปหีโน น ลิมฺปติ ทิฏฺฐสุเตสุ ธีโร.

ผู้ใดมีจิตคุ้มครองแล้ว ฟังคำสอนของพระชินเจ้า ผู้นั้นชื่อว่าทำให้อาสวะทั้งปวงสิ้นไป ฯลฯ

โย จ คุตฺเตน จิตฺเตน สุณาติ ชินสาสนํ เขเปตฺวา อาสเว สพฺเพ สจฺฉิกตฺวา อกุปฺปตํ ปปฺปุยฺย ปรมํ สนฺตึ ปรินิพฺพาติ อนาสโว.

ราคะ โทสะ และอวิชชา อันผู้ใดหลุดพ้นแล้ว ผู้นั้น เป็นผู้คงที่ มีสายล่ามขาดแล้ว ไม่มีเครื่องผูก ย่อมไม่ติดในที่นั้น

เยสํ ราโค จ โทโส จ อวิชฺชา จ วิราชิตา ตาที ตตฺถ น รชฺชนฺติ ฉินฺนสุตฺตา อพนฺธนา.

ผู้มีปัญญาเหล่าใด ขวนขวายในฌาน ยินดีในความสงบอันเกิดจากเนกขัมมะ เทวดาทั้งหลายก็พอใจต่อผู้มีปัญญา ผู้รู้ดีแล้ว มีสติ เหล่านั้น

เย ฌานปสุตา ธีรา เนกฺขมฺมูปสเม รตา เทวาปิ เตสํ ปิหยนฺติ สมฺพุทฺธานํ สตีมตํ.

ผู้มีปัญญาเหล่าใด ประกอบด้วยศีล ยินดีในความสงบด้วยปัญญา ผู้มีปัญญาเหล่านั้น เว้นไกลจากความชั่วแล้ว ไม่ต้องเชื่อผู้อื่น

เย จ สีเลน สมฺปนฺนา ปญฺญายูปสเม รตา อารกา วิรตา ธีรา น โหนฺติ ปรปตฺติยา.

คนเหล่าใดเขลา มีปัญญาทราม มีความคิดเลว ถูกความหลงปกคลุม คนเช่นนั้น ย่อมติดเครื่องผูกอันมารทอดไว้นั้น

เย จ โข พาลา ทุมฺเมธา ทุมฺมนฺตี โมหปารุตา ตาทิสา ตตฺถ รชฺชนฺติ มารกฺขิตฺตสฺมิ พนฺธเน.

คนบางพวกเหล่าใด ไม่สำรวมในกาม ยังไม่ปราศจากราคะ เป็นผู้บริโภคกาม ในโลกนี้ คนเหล่านั้นถูกตัณหาครอบงำ ลอยไปตามกระแส (ตัณหา) ต้องเป็นผู้เข้าถึงชาติชราร่ำไป

เย เกจิ กาเมสุ อสญฺญตา ชนา อวีตราคา อิธ กามโภคิโน ปุนปฺปุนํ ชาติชรูปคา หิ เต ตณฺหาธิปนฺนา อนุโสตคามิโน.

ผู้ใดไม่มีความอาลัย รู้แล้ว หาความสงสัยมิได้ เราเรียกผู้หยั่งลงสู่อมตะ บรรลุประโยชน์แล้วนั้น ว่าเป็นพราหมณ์

ยสฺสาลยา น วิชฺชนฺติ อญฺญาย อกถงฺกถี อมโตคธํ อนุปฺปตฺตํ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.

ผู้ใดทำราคะ โทสะ มานะ และมักขะ ให้ตกไป เหมือนทำให้เมล็ดผักกาดตกจากปลายเหล็กแหลม เราเรียกผู้นั้นว่า พราหมณ์

ยสฺส ราโค จ โทโส จ มาโน มกฺโข จ ปาติโต สาสโปริว อารคฺคา ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.

เมื่อใดบัณฑิตรู้ว่า ชราและมรณะเป็นทุกข์ กำหนดรู้ทุกข์ซึ่งเป็นที่อาศัยแห่งปุถุชน มีสติเพ่งพินิจอยู่ เมื่อนั้นย่อมไม่ประสบความยินดีที่ยิ่งกว่านั้น

ยทา ทุกฺขํ ชรามรณนฺติ ปณฺฑิโต อวิทฺทสู ยตฺถ สิตา ปุถุชฺชนา ทุกฺขํ ปริญฺญาย สโต ว ฌายติ ตโต รตึ ปรมตรํ น วินฺทติ.

ผู้ใดมีความสัตย์ มีธรรม มีความไม่เบียดเบียน มีความสำรวม และมีความข่มใจ ผู้นั้นแลชื่อว่า ผู้มีปัญญา หมดมลทิน เขาเรียกท่านว่า เถระ

ยมฺหิ สจฺจญฺจ ธมฺโม จ อหึสา สญฺญโม ทโม ส เว วนฺตมโล ธีโร โส เถโรติ ปวุจฺจติ.

บุคคลไม่ควรนิยมการกล่าวคำเท็จ ไม่ควรทำความเสน่หาในรูปโฉม ควรกำหนดรู้มานะ และประพฤติงดเว้นจากความผลุนผลัน

โมสวชฺเช น นิยฺเยถ รูเป เสฺนหํ น กุพฺพเย มานญฺจ ปริชาเชยฺย สาหสา วิรโต จเร.

ผู้ใดละมานะ มีตนตั้งมั่นดีแล้ว มีใจดี หลุดพ้นในที่ทั้งปวง อยู่ในป่าคนเดียว เป็นผู้ไม่ประมาท ผู้นั้นพึงข้ามฝั่งแห่งแดนมฤตยู

มนาปํ ปหาย สุสมาหิตตฺโต สุเจตโส สพฺพธิ วิปฺปมุตฺโต เอโก อรญฺเญ วิหรํ อปฺปมตฺโต ส มจฺจุเธยฺยสฺส ตเรยฺย ปารํ.

ท่านทั้งหลายจงดำเนินตามทางที่สร่างความเมา บรรเทาความโศก เปลื้องสงสาร เป็นที่สิ้นทุกข์ทั้งปวง โดยความเคารพ

มทนิมฺมทนํ โสกนุทํ สํสารปริโมจนํ สพฺพทุกฺขกฺขยํ มคฺคํ สกฺกจฺจํ ปฏิปชฺชถ.

บุคคลไม่ควรทำบาปซึ่งเป็นเครื่องกังวลในโลกทั้งปวง ด้วยกาย วาจา หรือด้วยใจ มีสติสัมปชัญญะ ละกามทั้งหลายได้แล้ว ไม่ควรเสพทุกข์ อันประกอบด้วยสิ่งที่ไร้ประโยชน์

ปาปํ น กยิรา วจสา มนสา กาเยน วา กิญฺจน สพฺพโลเก กาเม ปหาย สติมา สมฺปชาโน ทุกฺขํ น เสเวถ อนตฺถสญฺหิตํ.

ผู้ไม่ละโมบ ไม่อำพราง ไม่กระหาย ไม่ลบหลู่ ขจัดโมหะดุจน้ำฝาดแล้ว ไม่มีความมุ่งหวัง ครอบงำโลกทั้งหมด ควรเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด

นิลฺโลลุโป นิกฺกุโห นิปฺปิปาโส นิมฺมกฺโข นิทฺธนฺตกสาวโมโห นิราสโส สพฺพโลเก ภวิตฺวา เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

บุคคลถึงความสำเร็จแล้ว (พระอรหัตผล) ไม่สะดุ้ง ปราศจากตัณหา ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วยวน ตัดลูกศรอันจะนำไปสู่ภพได้แล้ว ร่างกายนี้จึงชื่อว่ามีในที่สุด

นิฏฺฐํ คโต อสนฺตาสี วีตตณฺโห อนงฺคโณ อจฺฉินฺทิ ภวสลฺลานิ อนฺติโมยํ สมุสฺสโย.

บุคคลเป็นคนเลวเพราะชาติก็หาไม่ เป็นผู้ประเสริฐเพราะชาติก็หาไม่ (แต่) เป็นคนเลวเพราะการกระทำ เป็นผู้ประเสริฐก็เพราะการกระทำ

น ชจฺจา วสโล โหติ น ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ กมฺมุนา วสโล โหติ กมฺมุนา โหติ พฺราหฺมโณ.

เมื่อสัตบุรุษให้สิ่งที่ให้ยาก ทำกรรมที่ทำได้ยาก อสัตบุรุษย่อมทำตามไม่ได้ เพราะธรรมของสัตบุรุษยากที่อสัตบุรุษจะประพฤติตาม

ทุทฺททํ ททมานานํ ทุกฺกรํ กมฺมกุพฺพตํ อสนฺโต นานุกุพฺพนฺติ สตํ ธมฺโม ทุรนฺวโย.

เพราะนักปราชญ์มีสติตั้งมั่นในธรรมวินัยนี้ ไม่เสพกามและบาป พึงละกามพร้อมทั้งทุกข์ได้ ท่านจึงกล่าวบุคคลนั้นว่าผู้ไปทวนกระแส

ตสฺมา หิ ธีโร อิธุปฏฺฐิตาสติ กาเม จ ปาเป จ อเสวมาโน สหาปิ ทุกฺเขน ชเหยฺย กาเม ปฏิโสตคามีติ ตมาหุ ปุคฺคลํ.