ผู้ใด มีความไร้ศีลธรรมครอบคลุม เหมือนย่านทรายคลุมไม้สาละ ฯลฯ

ยสฺส อจฺจนฺตทุสฺสีลฺยํ     มาลุวา สาลมิโวตฺถตํ
กโรติ โส ตถตฺตานํ     ยถา นํ อิจฺฉตี ทิโส
.

[คำอ่าน]

ยัด-สะ, อัด-จัน-ตะ-ทุด-สีน-ยัง……….มา-ลุ-วา, สา-ละ-มิ-โวด-ถะ-ตัง
กะ-โร-ติ, โส, ตะ-ถัด-ตา-นัง………………..ยะ-ถา, นัง, อิด-ฉะ-ตี, ทิ-โส

[คำแปล]

“ผู้ใด มีความไร้ศีลธรรมครอบคลุม เหมือนย่านทรายคลุมไม้สาละ ผู้นั้น ชื่อว่าทำตนเหมือนถูกผู้ร้ายคุมตัว”

(พุทฺธ) ขุ.ธ. 25/37.

ศีล เปรียบเหมือนกฎหมายสำหรับการดำรงชีวิตที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้มิให้ละเมิด โดยพระองค์ได้บอกไว้ด้วยว่าการละเมิดศีลแต่ละข้อนั้นจะมีผลเสียอะไรตามมาบ้าง โดยพระพุทธองค์ได้บัญญัติทั้งศีลสำหรับผู้ครองเรือน เรียกว่า อาคาริยศีล และศีลสำหรับบรรพชิต เรียกว่า อนาคาริยศีล เพื่อให้สาวกของพระองค์ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ได้ยึดถือปฏิบัติ

การประพฤติตนอยู่ในกรอบของศีลธรรม ทำให้บุคคลไม่กระทำความชั่วอันจะเป็นเหตุก่อความเดือดร้อนทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น ผู้ที่ดำรงตนอยู่ในกรอบของศีล จะเป็นผู้มีกิริยามารยาทเรียบร้อย ทั้งทางกายและทางวาจา อีกทั้งมีจิตใจสงบเสงี่ยม มีความสง่างามแก่สายตาของผู้พบเห็น

คำว่า ทุศีล หมายถึง การกระทำที่ล่วงละเมิดศีล บุคคลผู้ทุศีล จึงหมายถึงบุคคลผู้ล่วงละเมิดศีล คือไม่ดำรงตนอยู่ในกรอบของศีลธรรมอันดี ไม่เอื้อเฟื้อต่อหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า กระทำความชั่วอย่างไม่เกรงกลัว เช่น ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเป็นอาจิณ ทำตัวเป็นคนลักเล็กขโมยน้อย ฉก ชิง วิ่งราว ปล้น จี้ ละเมิดประเวณีอย่างไม่เกรงกลัว เป็นต้น

บุคคลผู้ทุศีล เปรียบเหมือนต้นไม้ที่ถูกเถาวัลย์ปกคลุมอย่างแน่นหนา ต้นไม้ที่ถูกเถาวัลย์ปกคลุมอย่างแน่นหนานั้น ย่อมไม่สามารถที่จะเจริญเติบโตได้ เพราะถูกปกคลุมอยู่ ไม่ได้รับแสงอาทิตย์ จึงไม่มีโอกาสเจริญเติบโต ดำรงอยู่เพียงเพื่อรอวันเสื่อมสลายไปตามกาลเวลาเท่านั้น หรืออาจโดนสัตว์กัดกินแล้วตายไปเองตามธรรมชาติในวันใดวันหนึ่ง

อีกอย่างหนึ่ง เปรียบเหมือนบุคคลผู้ถูกโจรผู้ร้ายควบคุมตัว หรือถูกโจรจับไว้ ย่อมไม่มีทางเลยที่โจรผู้ร้ายจะสร้างความสุขความเจริญให้กับผู้ที่ตนจับตัวไว้ มีแต่จะสร้างความฉิบหายเดือดร้อนให้เท่านั้น อาจจะทรมาน หรืออาจจะฆ่าทิ้งเสียก็เป็นได้

ดังนั้น บุคคลผู้ตกอยู่ในมือของโจรผู้ร้ายนั้น ย่อมไม่อาจหวังความสุขหรือความเจริญรุ่งเรืองใด ๆ ได้ มีแต่รอความตายที่โจรผู้ร้ายจะหยิบยื่นให้เท่านั้น

คนทุศีลก็เช่นกัน เมื่อเขาถูกความทุศีลครอบคลุมอยู่อย่างนั้น ย่อมไม่สามารถหวังความเจริญงอกงามในทางพุทธศาสนาได้ ไม่ว่าจะเป็นความสุขความเจริญในการใช้ชีวิต หรือความสุขความเจริญในแง่ของการเข้าถึงธรรม หรือการบรรลุธรรมขั้นสูงในพระพุทธศาสนา

การปฏิบัติตนเพื่อเข้าถึงธรรมขั้นสูงในพระพุทธศาสนา ซึ่งมีเป้าหมายสูงสุดคือพระนิพพานอันจะเป็นทางพ้นทุกข์อย่างถาวรนั้น จำเป็นที่จะต้องมีศีลที่บริสุทธิ์เป็นพื้นฐาน

บุคคลที่จะปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจนสามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้นั้น ถ้าศีลไม่บริสุทธิ์เสียแล้ว ย่อมไม่สามารถที่จะบรรลุผลของการปฏิบัติได้

ดังนั้น บุคคลผู้ทุศีล จึงเรียกได้ว่า ตัดทางแห่งความเจริญงอกงามในพุทธศาสนาของตนเสียแล้ว เขาบ่ายหน้าไปสู่ความฉิบหายในปัจจุบัน และมุ่งหน้าไปสู่ทุคติในสัมปรายภพ โดยไม่มีใครสามารถช่วยได้ เหมือนบุคคลที่ถูกผู้ร้ายจับตัวไว้ ได้แต่รอวันตายอย่างเดียวเท่านั้น

ดังนั้น เมื่อยังมีชีวิตอยู่ คนทั้งหลายควรเร่งชำระศีลให้บริสุทธิ์ ดำรงตนอยู่ในกรอบของศีลธรรมอันดีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้บัญญัติตรัสสอนไว้ ความเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ ความเป็นผู้มีธรรมเป็นหลักปฏิบัติในการดำเนินชีวิต จะนำพาความเจริญงอกงามมาให้ ทั้งในชาตินี้และชาติหน้า

ถึงแม้เคยพลาดพลั้งทำผิดไปบ้าง แต่ถ้าคิดได้ กลับตัวกลับใจเสีย หันมารักษาศีลรักษาธรรม เปลี่ยนความประพฤติ ดำรงตนอยู่ในกรอบของศีลธรรม ยังอาจสามารถกลับร้ายให้กลายเป็นดีได้

เปรียบเหมือนบุคคลผู้ถูกโจรผู้ร้ายจับตัวไว้ หากใช้ความพยายามดิ้นรนเพื่อให้พ้นจากเงื้อมมือของโจรผู้ร้าย ยังพอมีโอกาสที่จะหลุดพ้นจากเงื้อมมือของโจรผู้ร้ายนั้นได้ เมื่อหลุดพ้นมาได้ ก็ย่อมจะพ้นจากความฉิบหายที่จะได้รับจากโจรผู้ร้ายนั้น

คนที่เคยทำทุศีลก็เช่นกัน เมื่อคิดกลับตัวกลับใจได้ทันเวลา หันมารักษาศีลเจริญภาวนาในขณะที่ยังสามารถทำได้ ยังอาจหลุดพ้นจากความฉิบหายอันจะเกิดจากความเป็นผู้ทุศีลนั้นได้

เมื่อรู้ดังนี้แล้ว จงอย่าทำตนเป็นคนทุศีลเลย จงรักษาศีลให้บริสุทธิ์ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเถิด.