
อานิสงส์ของสุจริต 5 ประการ
สุจริต คือ ความประพฤติดี หรือการทำความดีนั่นเอง แบ่งเป็น 3 อย่าง คือ การทำความดีทางกาย เรียกว่า กายสุจริต การทำความดีทางวาจา เรียกว่า วจีสุจริต และการทำความดีทางใจ เรียกว่า มโนสุจริต
การทำความดีดังกล่าว เป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญ เป็นหนทางสู่ความสุขความเจริญทั้งในภพนี้และภพหน้า ท่านจำแนกอานิสงส์ของสุจริตไว้ 5 ประการ ดังนี้
1. ตนเองติเตียนตนเองไม่ได้
คนที่ประพฤติสุจริต คือทำแต่คุณงามความดี ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ นับเป็นบุคคลที่น่ายกย่องสรรเสริญ คนประเภทนี้ เมื่อมาใคร่ครวญดูพฤติกรรมของตนแล้ว ย่อมเห็นแต่พฤติกรรมที่เป็นไปในทางที่ดี เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขแก่ตนเองและสังคมโดยแท้ ดังนั้น เขาย่อมหาจุดบกพร่องที่จะเป็นเหตุให้ตนเองตำหนิติเตียนตนเองไม่ได้ เพราะผู้ประพฤติสุจริต ย่อมไม่มีข้อที่น่าติเตียน มีแต่ข้อที่ควรสรรเสริญโดยส่วนเดียว
2. ผู้รู้ใคร่ครวญแล้วย่อมสรรเสริญ
ผู้รู้คือบัณฑิตชนทั้งหลาย ย่อมติเตียนคนชั่วสรรเสริญคนดีเป็นปกติ ดังนั้น เมื่อบัณฑิตชนทั้งหลายพิจารณาใคร่ครวญด้วยดีแล้ว ย่อมยกย่องสรรเสริญความประพฤติของบุคคลผู้ประพฤติสุจริตในที่ทั้งปวง ย่อมไม่กล่าวคำติฉินนินทาใด ๆ แม้แต่น้อย เพราะความประพฤติสุจริต เป็นกิริยาที่น่าสรรเสริญ หาใช่กิริยาที่น่าตำหนิติเตียนไม่
3. มีชื่อเสียงที่ดี
การที่บุคคลประพฤติสุจริตอยู่เนือง ๆ เมื่อคนใดคนหนึ่งได้ทราบถึงการประพฤติสุจริตของเขาแล้ว ย่อมจะนำความดีของเขาไปเล่าให้คนอื่นฟังด้วยความชื่นชมปากต่อปาก ทำให้คนทั้งหลายกล่าวชื่นชมความดีของเขาโดยทั่วไปและกว้างขวางออกไปเรื่อย เมื่อเป็นเช่นนี้ ชื่อเสียงที่ดีของเขาย่อมขจรไปเป็นวงกว้าง นี่คืออานิสงส์อีกข้อหนึ่งของการประพฤติสุจริต
4. ไม่หลงทำกาละ (ตายดี)
เมื่อบุคคลประพฤติสุจริตอยู่บ่อย ๆ จนเกิดเป็นความเคยชินและเป็นอุปนิสัยส่วนตัวแล้ว จิตใจของเขาย่อมสะอาดผ่องใสตลอดเวลา เพราะความชั่วจะไม่ได้ช่องที่จะเข้ามาครอบงำจิตใจของเขาได้ เขาย่อมสามารถระลึกถึงคุณงามความดีของตนเองได้ตลอดเวลาที่ต้องการ
แม้ในเวลาที่ต้องทำกาละตายจากโลกนี้ไป จิตใจของเขาจะผ่องใส สามารถระลึกถึงคุณงามความดีของตนเองที่เคยทำไว้เป็นอันมากได้ เมื่อเขาตายไปพร้อมกับจิตที่ผ่องใสระลึกถึงคุณงามความดีอยู่เช่นนี้ เรียกว่า ไม่หลงตาย คือตายดี ได้แก่ตายไปพร้อมกับความดี ตายไปพร้อมกับสตินั่นเอง
5. เมื่อตายไปแล้วย่อมไปเกิดในสุคติ
ด้วยความที่คนที่ประพฤติสุจริตจะไม่หลงตาย คือจะตายไปพร้อมกับสติ ตายไปแบบสติครบถ้วนสมบูรณ์ จิตใจของเขาจะผ่องใส ปราศจากความชั่ว คือไม่มีความชั่วครอบงำจิตใจในขณะที่ตาย ไม่มีความชั่วใด ๆ สามารถมารบกวนจิตใจของเขาได้ เมื่อเขาตายไปพร้อมกับจิตที่ผ่องใสเช่นนี้ เขาย่อมจะมีสุคติเป็นที่ไปในเบื้องหน้า คือจะได้ไปเกิดในสุคติภูมิ ดังพุทธศาสนสุภาษิตว่า “จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ สุคติ ปาติกงฺขา” แปลว่า “เมื่อจิตไม่เศร้าหมอง สุคติเป็นอันหวังได้”