ผู้ทำบาป ย่อมเศร้าโศกในโลกนี้ ละไปแล้วก็เศร้าโศก ชื่อว่าเศร้าโศกในโลกทั้งสอง ฯลฯ

อิธ โสจติ เปจฺจ โสจติ ปาปการี อุภยตฺถ โสจติ โส โสจติ โส วิหญฺญติ ทิสฺวา กมฺมกิลิฏฺฐมตฺตโน

อิธ โสจติ เปจฺจ โสจติ     ปาปการี อุภยตฺถ โสจติ
โส โสจติ โส วิหญฺญติ     ทิสฺวา กมฺมกิลิฏฺฐมตฺตโน.

[คำอ่าน]

อิ-ทะ, โส-จะ-ติ, เปด-จะ, โส-จะ-ติ……ปา-ปะ-กา-รี, อุ-พะ-ยัด-ถะ, โส-จะ-ติ
โส, โส-จะ-ติ, โส, วิ-หัน-ยะ-ติ……ทิด-สะ-หวา, กำ-มะ-กิ-ลิด-ถะ-มัด-ตะ-โน

[คำแปล]

“ผู้ทำบาป ย่อมเศร้าโศกในโลกนี้ ละไปแล้วก็เศร้าโศก ชื่อว่าเศร้าโศกในโลกทั้งสอง เขาเห็นกรรมอันเศร้าหมองของตน จึงเศร้าโศกและเดือดร้อน.”

(พุทฺธ) ขุ.ธ. 25/17.

บาป คือสภาวะที่ทำให้จิตใจตกต่ำ ตกจากคุณงามความดี ตกจากคุณธรรมที่จะพึงได้พึงถึง เป็นสภาวะที่ชั่ว ทำจิตใจของคนและสัตว์ทั้งหลายให้เศร้าหมอง

การกระทำที่เป็นบาป เรียกว่า ทุจริต แบ่งเป็น 3 หมวดใหญ่ ๆ คือ

กายทุจริต 3 ประการ ประกอบด้วย

  1. การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
  2. การลักทรัพย์
  3. การประพฤติผิดในกาม

วจีทุจริต 4 ประการ ประกอบด้วย

  1. การพูดเท็จ
  2. การพูดส่อเสียด
  3. การพูดคำหยาบ
  4. การพูดเพ้อเจ้อ

มโนทุจริต 3 ประการ ประกอบด้วย

  1. การคิดละโมบอยากได้ของคนอื่นมาครอบครองในทางที่ผิด
  2. การคิดอาฆาตพยาบาทผู้อื่น
  3. การเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม (มิจฉาทิฏฐิ)

บุคคลผู้ประกอบทุจริต 3 ประการนี้ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งหมด ได้ชื่อว่ากระทำบาป ย่อมได้รับความเดือดร้อนเพราะผลแห่งบาปเหล่านั้น ความเศร้าโศกย่อมเกิดแก่เขาเมื่อมานึกถึงกรรมอันเป็นบาปของตนหรือเมื่อได้รับผลแห่งกรรมอันเป็นบาปนั้น เช่น ถูกปรับไหมใส่โทษ จองจำพันธนาการ ดูหมิ่นเหยียดหยาม เป็นต้น ชื่อว่าย่อมเศร้าโศกในโลกนี้

เมื่อเขาต้องตายจากโลกนี้ไป เขาต้องไปเสวยวิบากแห่งกรรมอันเป็นบาปที่ตนได้กระทำไว้ในทุคติอบายภูมิจนกว่ากรรมอันชั่วช้าลามกนั้นจะหมดสิ้นไป ชื่อว่า ละไปแล้วย่อมเศร้าโศก คือตายจากโลกนี้ไปแล้วก็ยังต้องได้รับความเศร้าโศกเพราะผลแห่งบาปนั้นในโลกหน้าอีกด้วย

บุคคลผู้กระทำบาปทั้งหลาย ย่อมเศร้าโศกทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ดังกล่าวมาฉะนี้.