น อุจฺจาวจํ ปณฺฑิตา ทสฺสยนฺติ “บัณฑิตย่อมไม่แสดงอาการขึ้นลง”

น อุจฺจาวจํ ปณฺฑิตา ทสฺสยนฺติ

น อุจฺจาวจํ ปณฺฑิตา ทสฺสยนฺติ.

[คำอ่าน : นะ, อุด-จา-วะ-จัง, ปัน-ทิ-ตา, ทัด-สะ-ยัน-ติ]

“บัณฑิตย่อมไม่แสดงอาการขึ้นลง”

(ขุ.ธ. 25/26)

บัณฑิตคือผู้ที่มีปัญญา รู้จักพิจารณาและเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง มิใช่เข้าใจตามอารมณ์หรือความปรารถนาของตนเอง ด้วยเหตุนี้ บัณฑิตจึงมีจิตใจมั่นคง ไม่หวั่นไหวต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต เพราะเขาเห็นความจริงของโลกอย่างถ่องแท้ รู้ว่าทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลง ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน

ในโลกนี้มีธรรม 8 อย่าง ที่เรียกว่า โลกธรรม 8 ได้แก่ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ ได้รับการสรรเสริญ ถูกนินทา มีความสุข และมีความทุกข์ สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมดาของชีวิตที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ แม้แต่ผู้มีศีลมีธรรมก็ยังต้องประสบกับโลกธรรมเหล่านี้เช่นกัน แต่บัณฑิตจะเข้าใจว่า สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งสมมุติ ไม่ใช่สาระของชีวิต

เมื่อเข้าใจเช่นนี้แล้ว บัณฑิตจึงไม่ยินดียินร้ายกับโลกธรรม ไม่หลงระเริงเมื่อได้รับลาภหรือยศ ไม่ท้อแท้เมื่อเสื่อมลาภหรือเสื่อมยศ ไม่ยึดติดแม้เมื่อพบกับความสุข และไม่สิ้นหวังเมื่อประสบกับความทุกข์ เพราะเขาเห็นว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่แน่นอน เป็นของชั่วคราว และเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

เราทั้งหลายควรฝึกฝนตนเองให้ดำเนินตามวิถีแห่งบัณฑิต โดยฝึกจิตให้รู้เท่าทันอารมณ์และโลกธรรมทั้งหลาย ไม่ให้ความสุขหรือความทุกข์มาครอบงำจิตใจจนขาดสติ ควรฝึกให้รู้แจ้งในสัจธรรม คือ ความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ และความไม่มีตัวตนของสรรพสิ่ง แล้วเราจะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างสงบเย็นและมั่นคง

เมื่อเรามีปัญญาเข้าใจธรรมตามความเป็นจริง จิตใจของเราก็จะไม่หวั่นไหวไปตามกระแสของโลก เราจะไม่ตกอยู่ใต้อำนาจของความยินดีหรือความยินร้ายอีกต่อไป นี่แหละคือวิถีแห่งบัณฑิตที่แท้จริง ซึ่งควรน้อมนำมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตเพื่อความสุขที่มั่นคงและยั่งยืน.