ปหาน แปลว่า การละ หมายถึง การละกิเลส แบ่งตามละดับการละกิเลสเป็น 3 ระดับ คือ
1. วิกขัมภนปหาน
วิกขัมภนปหาน แปลว่า การละด้วยการข่มไว้ การละด้วยการกดทับไว้ เป็นการละกิเลสของท่านผู้เจริญสมถกรรมฐานจนจิตตั้งมั่นเป็นอัปปนา บรรลุฌานขั้นใดขั้นหนึ่ง สามารถข่มนิวรณ์ไว้ได้ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในฌานนั้น แต่เมื่อออกจากฌานแล้วกิเลสคือนิวรณ์นั้นก็สามารถกำเริบขึ้นอีกได้ ช่วงที่อยู่ในฌาน เปรียบเหมือนเอาหินทับหญ้าไว้ หญ้าก็ไม่สามารถงอกเงยขึ้นมาได้ แต่เมื่อออกจากฌานแล้ว ก็เหมือนยกหินออก หญ้าที่เคยถูกทับไว้นั้นก็งอกเงยขึ้นได้อีก
2. ตทังคปหาน
ตทังคปหาน แปลว่า การละด้วยองค์นั้น ๆ คือ การละกิเลสด้วยธรรมที่เป็นคู่ปรับกัน หมายถึง การละกิเลสคือทิฏฐิ ความเห็นผิด มีสักกายทิฏฐิเป็นต้น ด้วยกำลังของวิปัสสนาญาณ โดยที่ผู้ปฏิบัติจะต้องเจริญวิปัสสนากรรมฐานจนเกิดวิปัสสนาญาณ เมื่อวิปัสสนาญาณแต่ละขั้นเกิดขึ้น ทิฏฐิคือความเห็นผิดในนามรูปก็จะถูกทำลายไป เปรียบเหมือนเมื่อจุดไฟขึ้นความมืดก็หายไป
3. สมุจเฉทปหาน
สมุจเฉทปหาน แปลว่า การละด้วยการตัดขาด หมายถึง การละกิเลสอย่างละเอียดมีสังโยชน์เป็นต้น ด้วยอริยมรรค โดยผู้ปฏิบัติต้องบำเพ็ญจนถึงอริยมรรค เมื่อถึงอริยมรรคแล้ว อริยมรรคญาณนั้นจะทำลายสังโยชน์แต่ละอย่างให้หมดไปตามความสามารถของมรรคนั้น ๆ คือ
โสดาปัตติมรรค ทำลายสังโยชน์ 3 ข้อเบื้องต้นได้ คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และ สีลัพพตปรามาส
สกทาคามิมรรค ทำให้ราคะ โทสะ โมหะ เบาบางลง
อนาคามิมรรค ทำลายสังโยชน์เบื้องต่ำได้เพิ่มอีก 2 ข้อ คือ กามราคะ และ ปฏิฆะ
อรหัตตมรรค ทำลายสังโยชน์เบื้องสูงได้ทั้งหมด คือ รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ และ อวิชชา