
บุญกิริยาวัตถุ 3 ประการ
บุญกิริยาวัตถุ แปลว่า ที่ตั้งแห่งการทำบุญ หรือ วิธีการทำบุญ วิธีที่ก่อให้เกิดบุญ เป็นการแนะนำช่องทางสำหรับการบำเพ็ญบุญกุศลในพุทธศาสนา ท่านจำแนกเป็น 3 อย่างหลัก ๆ คือ
1. ทานมัย
ทานมัย บุญกิริยาวัตถุ ที่ตั้งแห่งการทำบุญ สำเร็จด้วยการให้ หมายถึง การให้ปันสิ่งของของตนเพื่อสงเคราะห์ผู้อื่น เช่น ทำอาหารไปตักบาตรถวายพระ เพื่อเป็นการบำรุงพระพุทธศาสนา ส่งเสริมสงเคราะห์ให้พระภิกษุได้มีเรี่ยวแรงกำลังในการบำเพ็ญสมณธรรม เผยแผ่พระพุทธศาสนา การแบ่งข้าวของเครื่องใช้ให้แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก เพื่อเป็นการช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลก เป็นต้น
การให้นี้ถือว่าเป็นบุญเบื้องต้น เป็นบุญที่สามารถทำได้ง่ายที่สุด ในบรรดาบุญทั้งหลาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำง่ายเสียทีเดียว เพราะผู้จะให้ได้นั้น จำเป็นต้องกำจัดความตระหนี่ถี่เหนียวเสียให้ได้ จึงจะสามารถตัดใจให้ปันสิ่งของของตนเองแก่คนอื่นได้
2. สีลมัย
สีลมัย บุญกิริยาวัตถุ ที่ตั้งแห่งการทำบุญ สำเร็จด้วยการรักษาศีล หมายถึง การรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ตั้งใจสมาทานรักษาศีลเป็นนิตย์ โดยการสมาทานรักษาศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 เป็นต้น ตามสมควรแก่ภาวะของตน
การรักษาศีลให้บริสุทธิ์นั้น เป็นบุญที่ยิ่งกว่าทานขึ้นมาอีก คือเป็นบุญที่สูงขึ้นมาอีก เพราะเป็นการชำระจิตใจให้ปราศจากความอาฆาตพยาบาท มีจิตใจอ่อนโยน มีความประพฤติทางกาย วาจา ใจ ที่เรียบร้อย และศีลนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับการดำรงชีวิต เพราะช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุข และสังคมคนรอบข้างก็สงบสุขไปด้วย
3. ภาวนามัย
ภาวนามัย บุญกิริยาวัตถุ ที่ตั้งแห่งการทำบุญ สำเร็จด้วยการเจริญภาวนา คือ การปฏิบัติสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานนั่นเอง ภาวนามัยนี้ เป็นบุญขั้นสูงสุดในพระพุทธศาสนา เพราะเกี่ยวข้องกับการชำระกิเลสาสวะให้หมดไปจากขันธสันดาน เป็นหนทางที่จะนำพาผู้ปฏิบัติให้ไปถึงเป้าหมายสูงสุดในพระพุทธสาสนา นั่นคือพระนิพพาน
บุญชนิดนี้เป็นบุญที่มีอานิสงส์มากที่สุด แต่ก็ทำยากมากที่สุดเช่นเดียวกัน เพราะโดยปกติการใช้ชีวิตในโลกนั้น เราต้องดิ้นรนทำมาหากิน ต้องทำการทำงานหาเลี้ยงชีพ เวลาที่จะปฏิบัติภาวนาจึงมีน้อย ผู้ที่มุ่งบำเพ็ญภาวนาจริง ๆ จึงละทางโลก ออกบวชเป็นพระภิกษุ เพื่อที่จะได้มีเวลาในการปฏิบัติกรรมฐานให้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ในบุญทั้ง 3 ประเภทที่กล่าวมานั้น คนส่วนใหญ่นิยมทำบุญด้วยการให้มากกว่าข้ออื่น ๆ เพราะทำได้ง่ายที่สุด แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราควรบำเพ็ญบุญให้ครบทั้ง 3 ประการ เพราะบุญแต่ละประเภท ก็มีอานิสงส์ที่แตกต่างกัน ถ้าเราทำบุญไม่ครบทั้ง 3 ด้าน เราก็ย่อมจะได้อานิสงส์ไม่ครบทั้ง 3 ด้าน เช่นเดียวกัน
- รัตนะ 3 (พระรัตนตรัย)
- คุณของรัตนะ 3 (คุณของพระรัตนตรัย)
- อาการที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน 3 อย่าง
- โอวาทของพระพุทธเจ้า 3 ข้อ
- ทุจริต 3 ประการ
- สุจริต 3 ประการ
- สมาธิ 3 ประการ (หมวดที่ 1)
- สมาธิ 3 ประการ (หมวดที่ 2)
- พระโสดาบัน 3 ประเภท
- อกุศลมูล 3 ประการ
- กุศลมูล 3 ประการ
- สัปปุริสบัญญัติ 3 ประการ
- อปัณณกปฏิปทา 3 ประการ
- บุญกิริยาวัตถุ 3 ประการ
- สามัญญลักษณะ (ไตรลักษณ์) 3 ประการ
- อกุศลวิตก 3 ประการ
- กุศลวิตก 3 ประการ
- อัคคิ 3 ประการ
- อัคคิปาริจริยา 3 ประการ
- อัตถะ 3 ประการ (หมวดที่ 1)
- อัตถะ 3 ประการ (หมวดที่ 2)
- อธิปไตย 3 ประการ
- อนุตตริยะ 3 ประการ
- อภิสังขาร 3 ประการ
- อาสวะ 3 ประการ
- กรรม 3 ประการ
- ทวาร 3 ประการ
- ญาณ 3 ประการ (หมวดที่ 1)
- ญาณ 3 ประการ (หมวดที่ 2)
- ตัณหา 3 ประการ
- ทิฏฐิ 3 ประการ
- เทพ 3 ประเภท
- ธรรมนิยาม 3 ประการ
- นิมิต 3 ประการ
- ภาวนา 3 ประการ
- ปริญญา 3 ประการ
- ปหาน 3 ประการ
- ปาฏิหาริย์ 3 ประการ
- ปิฎก 3 ประการ (ไตรปิฎก)
- พุทธจริยา 3 ประการ
- ภพ 3 ประการ
- วัฏฏะ 3 ประการ
- วิชชา 3 ประการ
- โลก 3 ประการ (นัยที่ 1)
- โลก 3 ประการ (นัยที่ 2)
- โลก 3 ประการ (นัยที่ 3)
- วิโมกข์ 3 ประการ
- วิเวก 3 ประการ
- สังขตลักษณะ 3 ประการ
- อสังขตลักษณะ 3 ประการ
- สังขาร 3 ประการ
- สัทธรรม 3 ประการ
- สมบัติ 3 ประการ
- ทานสมบัติ 3 ประการ
- สิกขา 3 ประการ
- โกศล 3 ประการ
- ทุกขตา 3 ประการ
- เทวทูต 3 ประการ
- ธรรม 3 ประการ
- บุตร 3 ประเภท
- ปปัญจะ 3 ประการ
- ปัญญา 3 ประการ
- ปาปณิกธรรม 3 ประการ
- ลัทธินอกพระพุทธศาสนา 3 ประเภท
- วิรัติ 3 ประการ
- เวทนา 3 ประการ
- สรณะ 3 ประการ
- สันโดษ 3 ประการ