สัมปชัญญะ 4 ประการ

สัมปชัญญะ ความรู้ตัวทั่วพร้อม หรือความรู้ชัดด้วยปัญญา เป็นหลักธรรมข้อหนึ่งในหมวด พหุปการธรรม หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ ธรรมมีอุปการะมาก

สัมปชัญญะ มีความหมายว่า ความรู้ตัว หมายถึงความรู้สึกตัวว่ากำลังทำ พูด หรือคิด สิ่งใดอยู่ อีกนัยหนึ่ง สัมปชัญญะ หมายถึง ความรู้ชัด ความเข้าใจชัดตามความเป็นจริง คือรู้ชัดว่าสิ่งที่กำลังทำ พูด คิด อยู่นั้น ถูกหรือผิด เป็นบุญหรือเป็นบาป มีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์ เป็นต้น

อาจกล่าวได้ว่า สัมปชัญญะก็คือตัวปัญญาที่คอยตรวจสอบว่าสิ่งที่สติระลึกขึ้นมาได้นั้นเป็นอย่างไรนั่นเอง

ลักษณะของสัมปชัญญะ มี 4 อย่าง คือ

  1. สาตถกสัมปชัญญะ รู้ชัดว่ามีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์
  2. สัปปายสัมปชัญญะ รู้ชัดว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม
  3. โคจรสัมปชัญญะ รู้ชัดในขอบเขตของสิ่งที่ทำ
  4. อสัมโมหสัมปชัญญะ รู้ชัดตามเป็นจริงไม่หลงงมงาย

1. สาตถกสัมปชัญญะ

สาตถกสัมปชัญญะ ความรู้ชัดว่ามีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์ คือความตระหนักรู้ว่าสิ่งที่กำลังทำ พูด คิด อยู่นั้น เป็นไปเพื่อประโยชน์หรือไม่ ก่อประโยชน์ให้ตนเองหรือสังคมหรือไม่ เป็นประโยชน์ในโลกนี้หรือประโยชน์ในโลกหน้าหรือไม่ เป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างยิ่งคือพระนิพพานหรือไม่

เมื่อมีสาตถกสัมปชัญญะ จะทำให้บุคคลมีความตระหนักรู้ที่จะเลือกทำสิ่งที่ตรงกับวัตถุประสงค์หรืออำนวยประโยชน์ที่มุ่งหมาย ละเว้นสิ่งที่ไม่ตรงวัตถุประสงค์ ไม่ทำสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์

2. สัปปายสัมปชัญญะ

สัปปายสัมปชัญญะ ความรู้ชัดว่าเหมาะหรือไม่เหมาะ หรือตระหนักในความเหมาะสมเกื้อกูล คือความตระหนักรู้ว่าสิ่งที่ทำ พูด หรือคิด นั้นเหมาะสมหรือไม่ เอื้อต่อกาย เอื้อต่อจิต เอื้อต่อชีวิต หรือไม่

เมื่อมีสัปปายสัมปชัญญะ จะทำให้บุคคลมีความตระหนักที่จะเลือกทำแต่สิ่งที่เหมาะสบาย เอื้อต่อกาย จิต ชีวิต กิจ พื้นภูมิ และภาวะของตน ไม่ทำสิ่งที่ไม่เหมาะแก่ภาวะของตน

3. โคจรสัมปชัญญะ

โคจรสัมปชัญญะ ความรู้ชัดในขอบเขต คือตระหนักรู้ในขอบเขตของสิ่งที่ทำ พูด คิด ให้รู้อยู่เสมอว่าสิ่งนั้น ๆ มีขอบเขตแค่ไหน เพื่อไม่ให้หลงประเด็น ไม่ให้เกินขอบเขตของสิ่งนั้น ๆ หรืองานนั้น ๆ

เมื่อมีโคจรสัมปชัญญะ จะทำให้บุคคลมีความรู้ตระหนักที่จะคุมกายและจิตไว้ให้อยู่ในกิจ ในประเด็น หรือแดนงานของตน ไม่ให้เขว เตลิด เลื่อนลอย หรือหลงลืมไปเสีย ช่วยให้การทำกิจทุกอย่างไม่เกินขอบเขต ไม่มากหรือน้อยเกินไป แต่พอดีกับกิจนั้น ๆ ช่วยให้กิจสำเร็จได้โดยสมบูรณ์

4. อสัมโมหสัมปชัญญะ

อสัมโมหสัมปชัญญะ ความรู้ชัดว่าไม่หลง หรือรู้ชัดด้วยปัญญาโดยไม่หลงงมงาย คือรู้ชัดในสิ่งที่ทำ พูด คิด นั้นตามสภาวะความเป็นจริง รู้ชัดด้วยปัญญา ไม่ใช่รู้แบบลุ่มหลงงมงาย หรือถูกหลอก ไม่ใช่ความเข้าใจผิด แต่เป็นการรู้ชัดที่ใช้ปัญญาพิจารณาอย่างถ่องแท้แล้ว

เมื่อมีอสัมโมหสัมปชัญญะ จะทำให้บุคคลมีความรู้ตระหนักในเรื่องราว เนื้อหา สาระ และสภาวะของสิ่งที่ตนเกี่ยวข้องหรือกระทำอยู่นั้น ตามที่เป็นจริง มิใช่ทำอย่างงมงายไม่รู้เรื่อง และไม่ถูกหลอกให้ลุ่มหลงหรือเข้าใจผิด มิใช่ความเห็นผิดเป็นถูก

สัมปชัญญะนี้ เป็นหลักธรรมสำคัญที่ช่วยให้บุคคลตระหนักรู้ในสิ่งที่ทำคำที่พูด หรือความคิดในขณะนั้น ๆ ว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์หรือไม่ เหมาะสมหรือไม่ อยู่ในขอบเขตที่พอดีหรือไม่ ถูกต้องหรือไม่ ช่วยให้การทำกิจทั้งปวงสำเร็จลุล่วงได้ด้วยดีไม่มีข้อผิดพลาด และป้องกันการกระทำที่เป็นทุจริตเสียได้ด้วย