บุคคล 4 ประเภท

บุคคล หมายถึง บุคคลผู้มีอัธยาศัยต่าง ๆ กัน มีอุปนิสัยต่าง ๆ กัน ท่านจำแนกประเภทตามอุปนิสัยในอันที่จะฟังธรรมแล้วรู้ตามได้ เป็น 4 ประเภท คือ

1. อุคฆฏิตัญญู

อุคฆฏิตัญญู ผู้ที่พอยกหัวข้อก็รู้ ผู้สามารถรู้แจ้งธรรมได้ฉับพลัน หมายถึง บุคคลผู้มีสติปัญญามาก และมีบุญบารมีที่ได้สั่งสมมามากและแก่กล้าเต็มที่ บริบูรณ์เต็มที่แล้ว พอได้ฟังหัวข้อธรรมที่ท่านยกขึ้นแสดงเท่านั้นก็สามารถรู้ตามได้อย่างแจ่มแจ้ง โดยไม่ต้องอธิบายให้มากความ

เปรียบเหมือนดอกบัวที่โผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมาแล้วรอเวลาบาน พอได้รับแสงอาทิตย์อ่อน ๆ ก็บานทันที

2. วิปจิตัญญู

วิปจิตัญญู ผู้รู้ต่อเมื่อขยายความ ผู้สามารถเข้าใจได้ต่อเมื่อท่านอธิบายความให้พิศดารออกไป หมายถึง ผู้ที่มีสติปัญญาพอประมาณ มีบารมีที่ได้สั่งสมมาในอดีตพอประมาณ ไม่แก่กล้ามากนัก เมื่อฟังหัวข้อธรรมที่ท่านยกขึ้นแสดงแล้วก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้ในทันที ต่อเมื่อท่านอธิบายขยายความเพิ่มเติมให้ละเอียดพิศดารอีกสักหน่อย จึงสามารถรู้แจ้งแทงตลอดได้

เปรียบเหมือนดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำ ซึ่งต้องรอเวลาโผล่พ้นผิวน้ำเสียก่อน เมื่อโผล่พ้นผิวน้ำและได้รับแสงอาทิตย์ก็จะสามารถเบ่งบานได้

3. เนยยะ

เนยยะ ผู้พอแนะนำได้ หมายถึง ผู้ที่มีสติปัญญา มีบุญบารมีพอสมควร แต่ยังไม่แก่กล้ามากนัก เมื่อได้ฟังหัวข้อธรรมแล้วก็ยังไม่เข้าใจ ได้ฟังคำอธิบายแล้วก็ยังไม่เข้าใจ แต่เมื่อได้ฟังคำอธิบายบ่อยเข้า ได้ฝึกฝนอบรมมากเข้า ก็สามารถเข้าใจแจ่มแจ้งได้

เปรียบเหมือนดอกบัวที่อยู่ในน้ำ ต้องรอเวลาที่จะพ้นจากผิวน้ำและรับแสงอาทิตย์ในวันต่อไป จึงจะบานได้

4. ปทปรมะ

ปทปรมะ ผู้มีบทเป็นอย่างยิ่ง หมายถึง บุคคลผู้มีสติปัญญาน้อย มีบุญบารมีน้อย เมื่อฟังธรรมย่อมรู้ได้แต่เพียงบทแห่งธรรมเท่านั้น คือแม้จะได้ยินได้ฟังมาก ได้ศึกษามามาก แต่จะไม่สามารถรู้แจ้งแทงตลอดได้ในชาตินี้ ทั้งยังไม่สามารถยังมรรคผลให้บังเกิดขึ้นได้ในชาตินี้ ต้องสั่งสมบารมีอีกต่อไป

เปรียบเหมือนดอกบัวที่ยังอยู่ในตม มีโอกาสที่จะโผล่ขึ้นมาได้ยาก เพราะปลาและเต่าจ้องจะกัดกินอยู่ตลอดเวลา