อาหาร 4 ประการ

อาหาร แปลว่า สิ่งที่นำผลมาให้ สภาพที่นำมาซึ่งผลโดยความเป็นปัจจัยค้ำจุนรูปธรรมและนามธรรมทั้งหลาย หมายถึง เครื่องค้ำจุนชีวิต สิ่งที่หล่อเลี้ยงร่างกายและจิตใจ ทำให้เกิดกำลังเจริญเติบโตและพัฒนาได้ มี 4 ประการ คือ

1. กวฬิงการาหาร (อาหารคือคำข้าว)

อาหารคือคำข้าว ได้แก่ อาหารทั่ว ๆ ไป ที่กลืนกินเข้าไปหล่อเลี้ยงร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้เกิดกำลังและบรรเทาความหิวให้เบาบางลงได้ เมื่อกำหนดรู้กวฬิงการาหารได้แล้ว ก็เป็นอันกำหนดรู้ราคะที่เกิดจากเบญจกามคุณได้ด้วย

2. ผัสสาหาร (อาหารคือผัสสะ)

อาหารคือผัสสะ ได้แก่ การกระทบกันของอายตนะภายใน อายตนะภายนอก และวิญญาณ ซึ่งเป็นปัจจัยให้เกิดเวทนาต่าง ๆ คือ สุขเวทนา ความรู้สึกสบาย ทุกขเวทนา ความรู้สึกเป็นทุกข์ และอทุกขมสุขเวทนา ความรู้สึกเฉย ๆ ไม่สุขไม่ทุกข์

ผัสสะทำให้เกิดเวทนา ดังนั้นผัสสะจึงได้ชื่อว่า เป็นอาหารของเวทนา

3. มโนสัญเจตนาหาร (อาหารคือมโนสัญเจตนา)

อาหารคือมโนสัญเจตนา ได้แก่ ความจงใจ คือ เจตนาที่ชักนำให้เกิดการทำ การพูด การคิด ในทางที่ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ซึ่งเรียกว่า กรรม อันได้แก่ การกระทำทางกาย ทางวาจา และทางใจ ซึ่งล้วนแล้วแต่เกิดจากการชักนำของมโนสัญเจตนาทั้งสิ้น

4. วิญญาณาหาร (อาหารคือวิญญาณ)

อาหารคือวิญญาณ ได้แก่ ความรู้แจ้งในอารมณ์ เมื่ออายตนะภายในกับอายตนะภายนอกกระทบกัน ก็เกิดวิญญาณคือความรู้แจ้งขึ้น เช่น เมื่อตาซึ่งเป็นอายตนะภายใน กระทบกับรูปซึ่งเป็นอายตนะภายนอก ก็เกิดจักขุวิญญาณคือความรู้แจ้งทางตา (การเห็น) เป็นต้น

วิญญาณ ได้ชื่อว่าเป็นอาหาร เพราะเป็นปัจจัยหล่อเลี้ยงให้เกิดผัสสะ เวทนา และสัญญา อีกนัยหนึ่ง วิญญาณาหาร หมายถึง ปฏิสนธิวิญญาณ ซึ่งเป็นปัจจัยให้เกิดนามรูปคือขันธ์ 5