ขนฺติ หิตสุขาวหา “ความอดทน นำมาซึ่งประโยชน์สุข”

ขนฺติ หิตสุขาวหา.

[คำอ่าน : ขัน-ติ, หิ-ตะ-สุ-ขา-วะ-หา]

“ความอดทน นำมาซึ่งประโยชน์สุข”

(ส.ม.)

ความอดทน คือ อาการที่ไม่หวั่นไหวทั้งทางกายและทางใจ ในเมื่อประสบกับสภาพที่ไม่น่าพอใจ 4 ประเภท คือ

  1. ธรรมชาติมีความหนาวความร้อนเป็นต้น
  2. ความเหนื่อยยากลำบากในการทำงาน
  3. ทุกขเวทนา
  4. ความเจ็บใจ

คนที่มีความอดทน ไม่หวั่นไหวต่อสภาวะของธรรมชาติคือ ร้อน หนาว ฝนตก แดดออก ไม่ย่อท้อต่อความลำบากตรากตรำในการทำมาหาเลี้ยงชีพ ไม่หวั่นไหวต่อทุกขเวทนา และอดทนต่อความเจ็บใจเสียได้ ย่อมประสบแต่ความสุขความเจริญ สามารถปฏิบัติหน้าที่การงานให้สำเร็จลุล่วงได้

นอกจากนั้น ขันติ ยังเป็นปราการด่านแรกที่จะป้องกันกิเลสได้ คือเมื่อกิเลสเกิดขึ้น ถ้าเรามีขันติคือความอดทนอดกลั้น อดทนต่ออำนาจของกิเลสนั้นได้ กิเลสก็จะไม่สามารถครอบงำจิตใจได้ ไม่สามารถบงการจิตใจให้ทำสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายตามอำนาจของมันได้ ผลร้ายอันจะเกิดจากการทำตามอำนาจของกิเลสก็จะไม่เกิดขึ้น

จึงกล่าวได้ว่า ขันตินี้เป็นธรรมที่นำประโยชน์สุขมาให้ทั้งในแง่ของการปฏิบัติหน้าที่การงาน ทั้งในแง่ของการปฏิบัติธรรมเพื่อกำจัดทุกข์เลยทีเดียว