
อาวาสิกธรรม 5 ประการ (หมวดที่ 7)
อาวาสิกธรรม คือ ธรรมของภิกษุผู้อยู่ประจำวัด แปลถือความมาใช้ให้เหมาะกับปัจจุบันว่า คุณสมบัติของเจ้าอาวาส หมวดที่ 7 ประเภทมีความสุขความเจริญดุจได้รับเชิญขึ้นไปอยู่ในสวรรค์ อีกหมวดหนึ่ง มี 5 ประการ คือ
1. พิจารณาใคร่ครวญโดยรอบคอบแล้ว จึงกล่าวตำหนิติเตียนบุคคลที่ควรตำหนิติเตียน
เจ้าอาวาส ย่อมมีหน้าที่ต้องปกครองพระภิกษุสามเณรทั้งปวงที่อาศัยอยู่ภายในวัด ธรรมดาคนอยู่ร่วมกันหมู่มาก ย่อมมีทั้งคนดีและคนไม่ดี มีทั้งคนดื้อและคนว่าง่าย ในสังคมของพระภิกษุสามเณรก็เช่นเดียวกัน พระเณรที่หัวดื้อหรือเกเรก็ย่อมมีบ้างเป็นธรรมดา จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าอาวาสที่จะต้องกล่าวตำหนิติเตียนพระภิกษุสามเณรที่มีความประพฤติไม่ดี ไม่อยู่ในร่องในรอยบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและไม่เป็นการทำลายศรัทธาของญาติโยม
2. พิจารณาใคร่ครวญโดยรอบคอบแล้ว จึงกล่าวยกย่องสรรเสริญบุคคลที่ควรยกย่องสรรเสริญ
นอกจากการตำหนิติเตียนพระภิกษุสามเณรที่ประพฤติไม่ดีแล้ว สำหรับภิกษุสามเณรที่มีความประพฤติดี มีกิริยาเรียบร้อย สร้างคุณประโยชน์แก่วัดวาอาราม เจ้าอาวาสก็พึงกล่าวยกย่องสรรเสริญบ้าง เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้พระภิกษุสามเณรที่มีความประพฤติดีน่าสรรเสริญเหล่านั้นมีกำลังใจที่จะรักษาพระธรรมวินัยต่อไป
3. ไม่มีอาวาสมัจฉริยะ
ไม่มีอาวาสมัจฉริยะ คือ ไม่ตระหนี่หวงแหนที่อยู่อาศัย เมื่อมีภิกษุอาคันตุกะเดินทางมาจากแดนไกลมาขอพักอาศัย ผู้เป็นเจ้าอาวาสไม่พึงหวงแหนเสนาสนะ พึงมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ที่อยู่อาศัยสำหรับพักค้างแรมแก่ภิกษุอาคันตุกะนั้นตามสมควร
4. ไม่มีกุลมัจฉริยะ
ไม่มีกุลมัจฉริยะ คือ ไม่ตระหนี่หวงแหนตระกูลอุปัฏฐาก การหวงแหนตระกูลอุปัฏฐากเป็นสิ่งที่ภิกษุทั้งปวงไม่พึงกระทำ ตระกูลอุปัฏฐากเหล่านั้นย่อมมีสิทธิ์โดยชอบธรรมที่จะถวายการอุปัฏฐากภิกษุรูปอื่น ๆ ที่ตนศรัทธาเลื่อมใสได้โดยไม่มีข้อยกเว้นหรือข้อจำกัดใด ๆ การที่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งหวงแหนตระกูลอุปัฏฐากนั้น ย่อมเป็นการแสดงความเห็นแก่ตัวของตนอย่างหนึ่ง เป็นการตัดโอกาสของตระกูลอุปัฏฐากในการบำเพ็ญบุญให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีกประการหนึ่ง ดังนั้น การหวงแหนตระกูลอุปัฏฐากจึงเป็นสิ่งที่ภิกษุไม่พึงกระทำ
5. ไม่มีลาภมัจฉริยะ
ไม่มีลาภมัจฉริยะ คือ ไม่ตระหนี่หวงแหนลาภ ลาภที่ภิกษุทั้งหลายได้มานั้น ไม่ได้เกิดจากการทำงานหาเลี้ยงชีพ แต่เกิดจากศรัทธาของประชาชนทั้งหลายที่มีต่อพระรัตนตรัย ไม่ใช่เพราะการลงทุนลงแรงของภิกษุรูปนั้น ๆ อีกทั้งความตระหนี่เป็นกิเลสตัวฉกาจที่จะต้องกำจัดเสียให้สิ้น ดังนั้น การตระหนี่หวงแหนลาภจึงเป็นสิ่งที่ภิกษุไม่พึงกระทำ
- ธรรมมีอุปการะมาก 2 ประการ
- ธรรมอันทำให้งาม 2 ประการ
- อริยบุคคล 2 ประเภท
- กาม 2 อย่าง
- เทศนา 2 ประการ (หมวดที่ 1)
- เทศนา 2 ประการ (หมวดที่ 2)
- ธรรม 2 ประการ (หมวดที่ 1)
- ธรรม 2 ประการ (หมวดที่ 2)
- ธรรม 2 ประการ (หมวดที่ 3)
- ธรรม 2 ประการ (หมวดที่ 4)
- สมาธิ 2 ประการ
- สุข 2 ประการ (หมวดที่ 1)
- สุข 2 ประการ (หมวดที่ 2)
- ทุกข์ 2 ประการ (หมวดที่ 1)
- ทุกข์ 2 ประการ (หมวดที่ 2)
- ทาน 2 ประการ (หมวดที่ 1)
- ทาน 2 ประการ (หมวดที่ 2)
- ปธาน 2 ประการ
- ภาวนา 2 ประการ
- เวปุลละ 2 ประการ
- สัจจะ 2 ประการ
- พระอรหันต์ 2 ประเภท
- อุปัญญาตธรรม 2 ประการ
- ธรรมคุ้มครองโลก 2 ประการ
- บุคคลหาได้ยาก 2 ประเภท
- กรรมฐาน 2 ประเภท
- ทิฏฐิ 2 ประการ
- นิพพาน 2 ประการ
- บูชา 2 ประการ
- ปฏิสันถาร 2 ประการ
- ปริเยสนา 2 ประการ
- ปาพจน์ 2 ประการ
- รูป 2 ประการ
- วิมุตติ 2 ประการ
- สังขาร 2 ประการ
- สุทธิ 2 ประการ
- กรรม 2 ประการ
- อันตา 2 ประการ
- ธุระ 2 ประการ
- บัญญัติ 2 ประการ
- ปัจจัยให้เกิดสัมมาทิฏฐิ 2 ประการ
- ฤทธิ์ 2 ประการ
- สังคหะ 2 ประการ
- ศาสนา 2 ประการ
- อัตถะ 2 ประการ
- เวทนา 2 ประการ