สัปปุริสบัญญัติ 3 ประการ

สัปปุริสบัญญัติ แปลว่า บัญญัติของสัตบุรุษ ข้อปฏิบัติที่สัตบุรุษวางเป็นแบบไว้หรือกล่าวสรรเสริญไว้ เป็นธรรมที่มีมาก่อนพุทธศาสนา เป็นข้อปฏิบัติที่บัณฑิตชนในยุคนั้นบัญญัติขึ้นและถือปฏิบัติสืบต่อกันมา และพระพุทธเจ้าก็ทรงสรรเสริญและทรงให้การรับรองไว้ มี 3 ประการ คือ

1. ทาน

ทาน แปลว่า การให้ หมายถึง การเสียสละ การแบ่งปันสิ่งของแก่ผู้อื่น การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่กันและกันด้วยกำลังแรงกายแรงใจ และการให้นั้นควรประกอบด้วยลักษณะ 5 ประการ คือ

1) ให้ด้วยศรัทธา คือ ให้ด้วยความเชื่อว่าการให้นั้นเป็นสิ่งที่ดี เป็นความดี

2) ให้ด้วยความเคารพ คือ ให้ด้วยความเคารพให้เกียรติผู้รับ ให้ด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่ให้แบบดูถูกเหยียดหยาม

3) ให้ตามเวลาที่ควรให้ คือ ให้ในเวลาที่เหมาะสม

4) ให้ด้วยใจอนุเคราะห์ คือ ให้ด้วยใจที่คิดจะช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

5) ให้โดยไมกระทบตนเองและผู้อื่น คือ ให้โดยไม่ทำให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อน

การให้นี้เป็นความดีขั้นพื้นฐานที่ทำให้มนุษย์อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างร่มเย็นเป็นสุข เพราะมีความโอบอ้อมอารีเอื้อเฟื้อแบ่งปันกัน

2. ปัพพัชชา

ปัพพัชชา แปลว่า การถือบวช หรือการวางตัวเหมือนผู้บวช (ฝึกจิตใจให้เหมือนผู้บวช) คืองดเว้นการเบียดเบียนกันทั้งทางร่างกาย จิตใจ และทรัพย์สิน โดยยึดถืออุบาย 3 อย่างเป็นอุบายในการงดเว้นจากการเบียดเบียนกัน คือ

1) อหิงสา การไม่เบียดเบียน คือการฝึกจิตไม่ให้คิดเบียดเบียนผู้อื่น โดยให้เตือนตนเองอยู่เสมอว่า เรารักสุขเกลียดทุกข์ ฉันใด คนอื่นเขาก็รักสุขเกลียดทุกข์ ฉันนั้น แล้วไม่เบียดเบียนผู้อื่นให้ได้รับความเดือดร้อน

2) สัญญมะ การสำรวมระวัง คือการสำรวมระวังจิตใจไม่ให้คิดเบียดเบียนผู้อื่น ไม่ให้ทำบาปอกุศลทั้งหลาย ไม่ให้ทำความชั่วทั้งปวงที่จะก่อความเดือดร้อนให้แก่ตนเองและผู้อื่น

3) ทมะ ความข่มใจ คือ ให้รู้จักข่มใจเมื่อจิตคิดเบียดเบียนหรือทำร้ายผู้อื่น ต้องรู้จักข่มใจห้ามใจตัวเองไม่ให้กระทำการใด ๆ อันจะเป็นการเบียดเบียนผู้อื่นให้ได้รับความเดือดร้อน

เมื่อบุคคลยึดถือปฏิบัติตามอุบาย 3 ข้อนี้ได้ ย่อมสามารถงดเว้นการเบียดเบียนกันได้ และสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุขสงบร่มเย็น

3. มาตาปิตุอุปัฏฐาน

มาตาปิตุอุปัฏฐาน แปลว่า การบำรุงมารดาบิดา หมายถึงการบำรุงเลี้ยงดูมารดาบิดาให้มีความสุขทั้งทางร่างกายและจิตใจ ทางร่างกายคือบำรุงเลี้ยงดูท่านให้มีสุขภาพที่ดีในยามปกติ ช่วยดูแลปรนนิบัติในยามเจ็บไข้ได้ป่วย ทางใจคือการเป็นลูกที่ดี เชื่อฟัง ไม่ทำให้มารดาบิดาต้องเป็นทุกข์ใจ

บุตรธิดาพึงทดแทนบุญคุณพ่อแม่ด้วย 5 สถาน ดังนี้

1) ท่านเลี้ยงมาแล้วเลี้ยงท่านตอบ คือเลี้ยงดูท่านเหมือนที่ท่านเคยเลี้ยงดูเรา

2) ช่วยทำกิจของท่าน คือช่วยทำงานทุกอย่างที่สามารถช่วยได้เพื่อแบ่งเบาภาระของท่าน

3) ดำรงวงศ์สกุล คือช่วยรักษาทรัพย์สินของมารดาบิดาไม่ให้เสียหาย รักษาชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล ไม่ทำลายวงศ์ตระกูลให้เสื่อมเสีย

4) ประพฤติให้เหมาะสมกับความเป็นทายาทรับทรัพย์มรดก คือ เชื่อฟังโอวาทคำสอนของมารดาบิดา ไม่ทำให้ท่านเดือดร้อน ไม่ทำให้ท่านทุกข์ใจ

5) เมื่อท่านล่วงลับไปแล้วทำบุญอุทิศให้ คือเมื่อท่านตายจากเราไปแล้ว ให้หมั่นทำบุญอุทิศให้ท่าน

เมื่อบุคคลประพฤติตามหลักสัปปุริสบัญญัติทั้ง 3 ประการนี้แล้ว ย่อมได้ชื่อว่าเป็นคนดี ได้รับการยกย่องสรรเสริญจากคนดี และทำให้สังคมนั้น ๆ มีแต่ความสุขและร่มเย็น