กุศลมูล แปลว่า รากเหง้าของความดี หรือต้นตอแห่งความดี เป็นสาเหตุที่ทำให้คนสร้างคุณงามความดีละเว้นความชั่ว ท่านจำแนกไว้ 3 ประการ คือ
1. อโลภะ
อโลภะ ความไม่โลภ คือไม่อยากได้ในทางที่ผิด หรือเมื่ออยากได้แล้วก็ไม่แสวงหาในทางที่ผิด เช่น อยากมีเงินก็ประกอบสัมมาชีพ หาทรัพย์สินมาด้วยการทำงานที่สุจริต ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่กระทำผิดกฎหมายบ้านเมืองและศีลธรรม เป็นต้น
อโลภะนี้เป็นเหตุนำไปสู่การทำความดีหลายประการ เช่น การให้ทาน การช่วยเหลือผู้อื่น การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การเสียสละ การแบ่งปัน เป็นต้น
2. อโทสะ
อโทสะ ความไม่คิดประทุษร้าย คือไม่คิดปองร้าย ไม่คิดเบียดเบียนทำลายผู้อื่นให้ได้รับความทุกข์ร้อนเสียหาย มีฐานมาจากความเมตตากรุณา ความไม่คิดประทุษร้ายนี้ช่วยให้คนรักษาศีลข้อที่ 1 ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ได้ และเป็นเหตุป้องกันทุกข์อันจะเกิดจากความขัดเคืองใจเมื่อประสบกับอารมณ์อันไม่น่าชอบใจได้
3. อโมหะ
อโมหะ ความไม่หลง คือไม่หลงงมงาย รู้แจ้งชัดตามความเป็นจริง เข้าใจถูกต้อง มีฐานมาจากปัญญา ทำให้มีความเห็นถูกต้องตามทำนองคลองธรรม เมื่อไม่หลงแล้ว ย่อมจะทำเฉพาะกรรมที่เป็นกุศล ละเว้นกรรมที่เป็นอกุศลเสียได้
อโมหะนี้ สามารถทำให้เกิดขึ้นมาได้ด้วยการหมั่นอบรมปัญญา เช่น การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน การฟังพระสัทธรรมเนือง ๆ การศึกษาธรรมะ การสนทนาธรรมกับกัลยาณมิตร เป็นต้น
บุคคลผู้ที่ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ย่อมได้รับความสุขความเจริญ และความยกย่องนับถือจากคนทั้งหลายในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ และเมื่อตายไปย่อมมีสุคติเป็นที่ไปในเบื้องหน้า เพราะจิตไม่เศร้าหมองด้วยโลภะ โทสะ โมหะ ดังพระพุทธพจน์ว่า “จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ สุคติ ปาฏิกงฺขา เมื่อจิตไม่เศร้าหมองแล้ว สุคติเป็นอันหวังได้“