ผู้ทำบุญแล้ว ย่อมบันเทิงในโลกนี้ ละไปแล้วย่อมบันเทิง ชื่อว่าย่อมบันเทิงในโลกทั้งสอง เขาเห็นความบริสุทธิ์แห่งกรรมของตนแล้ว ย่อมบันเทิงปราโมทย์

อิธ โมทติ เปจฺจ โมทติ กตปุญฺโญ อุภยตฺถ โมทติ โส โมทติ โส ปโมทติ ทิสฺวา กมฺมวิสุทฺธิมตฺตโน

อิธ โมทติ เปจฺจ โมทติ     กตปุญฺโญ อุภยตฺถ โมทติ
โส โมทติ โส ปโมทติ     ทิสฺวา กมฺมวิสุทฺธิมตฺตโน.

[คำอ่าน]

อิ-ทะ, โม-ทะ-ติ, เปด-จะ, โม-ทะ-ติ….กะ-ตะ-ปุน-โย, อุ-พะ-ยัด-ถะ, โม-ทะ-ติ
โส, โม-ทะ-ติ, โส, ปะ-โม-ทะ-ติ…….ทิด-สะ-หวา, กำ-มะ-วิ-สุด-ทิ-มัด-ตะ-โน

[คำแปล]

“ผู้ทำบุญแล้ว ย่อมบันเทิงในโลกนี้ ละไปแล้วย่อมบันเทิง ชื่อว่าย่อมบันเทิงในโลกทั้งสอง เขาเห็นความบริสุทธิ์แห่งกรรมของตนแล้ว ย่อมบันเทิงปราโมทย์.”

(พุทฺธ) ขุ.ธ. 25/17.

บุญ คือ สภาวะที่ชำระจิตใจให้หมดจดแผ่งแผ้ว ใสสะอาด ปราศจากสภาวะที่ทำให้จิตขุ่นมัว สภาพจิตใจของบุคคลผู้กระทำบุญ ย่อมมีปกติบันเทิงเริงรื่นในขณะที่ทำบุญนั้น เพราะในขณะที่ทำบุญ อารมณ์อันเป็นบาปไม่เกิดขึ้นมาทำให้จิตใจมัวหมอง

คำว่า “บันเทิง” ในที่นี้หมายถึง ความรื่นเริงบันเทิงใจในบุญกุศล หรือความสุขใจเมื่อนึกถึงบุญกุศลที่ตนได้กระทำแล้ว เป็นเหตุให้จิตใจแช่มชื่นรื่นเริง

วิถีแห่งการบำเพ็ญบุญ ท่านจำแนกไว้เป็นหลัก 3 ทาง คือ บำเพ็ญบุญด้วยการให้ทาน อย่างหนึ่ง บำเพ็ญบุญด้วยการรักษาศีล อย่างหนึ่ง บำเพ็ญบุญด้วยการเจริญภาวนา อย่างหนึ่ง

บุคคลผู้บำเพ็ญบุญอย่างสม่ำเสมอ กระทำบุญเมื่อใดย่อมมีความบันเทิงใจเมื่อนั้น แม้เวลาผ่านไป เมื่อเขานึกถึงบุญกุศลที่ตนได้กระทำแล้ว ย่อมมีความสุข มีความภูมิใจในบุญที่ตนได้กระทำแล้วนั้น ท่านจึงกล่าวว่า “ย่อมบันเทิงในโลกนี้”

เมื่อถึงคราวที่เขาต้องตายจากโลกนี้ไป อานิสงส์แห่งบุญทั้งหลายที่เขาได้กระทำไว้ในโลกนี้ ย่อมส่งผลให้เขาเข้าถึงสุคติภูมิในสัมปรายภพเบื้องหน้า ได้รับความสุขความเจริญในภพนั้น ได้เสวยผลแห่งบุญในภพนั้นอีก ท่านจึงกล่าวว่า “ละไปแล้ว ย่อมบันเทิง” คือได้รับความบันเทิงในด้วยอำนาจแห่งบุญในสุคติสัมปรายภพเบื้องหน้านั่นเอง

บุญทั้งหลายที่บุคคลได้กระทำไว้ ย่อมส่งผลให้บุคคลนั้น ๆ เกิดความบันเทิงใจทั้งในโลกนี้และโลกหน้าดังกล่าวมาแล้ว ดังนั้น พึงทำบุญเอาไว้ให้มาก ๆ เถิด อานิสงส์แห่งบุญเหล่านั้น จะส่งผลให้เราทั้งหลายได้รับความสุขความเจริญ บันเทิงยินดีในทุก ๆ ภพที่เกิดอย่างแน่นอน.