
อถ ปาปานิ กมฺมานิ…….……กรํ พาโล น พุชฺฌติ
เสหิ กมฺเมหิ ทุมฺเมโธ……..อคฺคิทฑฺโฒว ตปฺปติ.
[คำอ่าน]
อะ-ถะ, ปา-ปา-นิ, กำ-มา-นิ……กะ-รัง, พา-โล, นะ, พุด-ชะ-ติ
เส-หิ, กำ-เม-หิ, ทุม-เม-โท……..อัก-คิ-ทัด-โท-วะ, ตับ-ปะ-ติ
[คำแปล]
“เมื่อคนโง่มีปัญญาทราม ทำกรรมชั่วอยู่ก็ไม่รู้สึก เขาเดือดร้อนเพราะกรรมของตน เหมือนถูกไฟไหม้.”
(พุทฺธ) ขุ.ธ. 25/33.
คนมีปัญญาทราม คือคนที่มีปัญญามืดบอด ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ ไม่รู้จักประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ ไม่รู้จักทางเสื่อมและทางเจริญ ไม่รู้วิธีที่จะนำตนออกจากความเสื่อมและนำตนเข้าสู่ความเจริญ
บุคคลประเภทนี้ แม้ประกอบกรรมอันชั่วช้าลามกอยู่ก็ไม่รู้สึกว่านั่นเป็นกรรมชั่ว แม้ตกอยู่ภายใต้อำนาจของกิเลส ถูกกิเลสครอบงำจิตใจบัญชาการให้กระทำกรรมชั่วช้าลามกทั้งหลายก็กระทำไปอย่างไม่รู้ดีรู้ชั่ว
เมื่อเขากระทำกรรมชั่วอยู่อย่างนี้ ย่อมได้รับวิบากแห่งกรรมชั่วทั้งหลายที่ตนกระทำ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนทุกข์ยากลำบาก แม้กระนั้น เขาก็ยังไม่รู้ว่า ความเดือดร้อนทุกข์ยากลำบากเหล่านั้น เป็นผลจากการกระทำกรรมชั่วของตนเอง
จึงสามารถกล่าวได้ว่า ความเป็นผู้มีปัญญาทรามนั้น สร้างทุกข์สร้างโทษให้ชาวโลกได้อย่างมหาศาล จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่เราท่านทั้งหลายจะต้องขวนขวายสร้างปัญญาให้เกิดในตน ทั้งทางโลกและทางธรรม
ปัญญาทางโลก เกิดจากการศึกษาเล่าเรียนศิลปะวิทยาทั้งปวง อันเป็นไปเพื่อประกอบสัมมาชีพ เพื่อให้เรามีความรู้ความสามารถในการประกอบกิจการงาน สร้างฐานะ สร้างรายได้ให้เกิดโดยใช้ความรู้ความสามารถที่ถูกทาง ไม่ทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเองและผู้อื่น
ปัญญาทางธรรม เกิดจากการศึกษาธรรมะและนำมาปฏิบัติ เพื่อให้รู้ความเป็นจริงของสิ่งทั้งปวง รู้ผิดชอบชั่วดี รู้บาปบุญคุณโทษ รู้ประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ รู้วิธีที่จะนำตนให้พ้นจากความเสื่อมและเข้าถึงความเจริญ
ทั้งปัญญาทางโลกและทางธรรม ล้วนมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ทั้งหลาย ถ้าขาดปัญญาทางโลก การดำรงชีวิตก็เป็นไปได้ยาก เพราะการประกอบการงานเพื่อสร้างฐานะสร้างรายได้ สร้างความเป็นอยู่ที่ดีนั้น ต้องอาศัยปัญญาทางโลก
แต่ถ้ามีแต่ปัญญาทางโลก ขาดปัญญาทางธรรม การประกอบอาชีพทั้งหลายอาจไม่เป็นไปโดยถูกต้องชอบธรรม อาจถูกกิเลสครอบงำ ทำให้ประกอบกรรมทุจริต หาเลี้ยงชีวิตในทางที่ผิดศีลธรรม ก่อให้เกิดความเดือดร้อนทั้งแก่ตนเองและผู้อื่นตามมาได้
ดังนั้น พึงสร้างปัญญาให้เกิดแก่ตน ทั้งปัญญาทางโลกและปัญญาทางธรรมเถิด ผลอันประเสริฐจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน.
สารบัญ พุทธศาสนสุภาษิต
- อัตตวรรค หมวดตน
- อัปปมาทวรรค หมวดความไม่ประมาท
- กัมมวรรค หมวดกรรม
- กิเลสวรรค หมวดกิเลส
- โกธวรรค หมวดความโกรธ
- ขันติวรรค หมวดความอดทน
- จิตตวรรค หมวดจิต
- ชยวรรค หมวดความชนะ
- ทานวรรค หมวดทาน
- ทุกขวรรค หมวดทุกข์
- ธัมมวรรค หมวดธรรม
- ปกิณกวรรค หมวดเบ็ดเตล็ด
- ปัญญาวรรค หมวดปัญญา
- ปมาทวรรค หมวดความประมาท
- ปาปวรรค หมวดบาป
- ปุคคลวรรค หมวดบุคคล
- ปุญญวรรค หมวดบุญ
- มัจจุวรรค หมวดความตาย
- มิตตวรรค หมวดมิตร
- ยาจนาวรรค หมวดการขอ
- ราชวรรค หมวดพระราชา
- วาจาวรรค หมวดวาจา
- วิริยวรรค หมวดความเพียร
- เวรวรรค หมวดเวร
- สัจจวรรค หมวดความสัตย์
- สติวรรค หมวดสติ
- สัทธาวรรค หมวดศรัทธา
- สันตุฏฐิวรรค หมวดสันโดษ
- สมณวรรค หมวดสมณะ
- สามัคคีวรรค หมวดสามัคคี
- สีลวรรค หมวดศีล
- สุขวรรค หมวดความสุข
- เสวนาวรรค หมวดการคบหา